เรียนรู้จักพระเจ้า...ในขณะที่เราสงสัยและขาดความเชื่อ

Life of David  •  Sermon  •  Submitted   •  52:49
0 ratings
· 11 views
Files
Notes
Transcript
Sermon Tone Analysis
A
D
F
J
S
Emotion
A
C
T
Language
O
C
E
A
E
Social
View more →
“เรียนรู้จักพระเจ้า...ในขณะที่เราสงสัยและขาดความเชื่อ”
คริสตจักรไคร้สตเชิช กรุงเทพ / แองลิกัน ลาดกระบัง
วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2022
1 ซามูเอล 27
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Word Count 5,179 ; Time 49 minutes (110 คำต่อนาที)
[Slide# 1]
พระเจ้าสถิตกับท่าน [และสถิตกับท่านด้วย]
[Slide# 2]
วันนี้เป็นคำเทศนาหัวข้อสุดท้ายแล้วนะครับ สำหรับซีรี่ส์ “ชีวิตของดาวิด ชีวิตที่ต้องเรียนรู้” แต่ความจริงเราก็พบว่าเมื่อเราเข้ามาศึกษาช่วงชีวิตหนึ่งของดาวิดก่อนที่จะเป็นกษัตริย์ ตั้งแต่ 1 ซามูเอล บทที่ 16 จนมาถึงคำเทศนาวันนี้ บทที่ 27 ทั้งหมด สิบสองครั้ง เราก็จะทราบว่าแท้จริงแล้วชีวิตของดาวิด และกษัตริย์ซาอูลก็เป็นเหมือนกับชีวิตของเรา มีทั้งสิ่งที่เราสามารถเอาเป็นแบบอย่างได้ และ ทั้งสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้เพื่อเป็นบทเรียนสอนชีวิตของเรา ไม่ให้เอาเป็นแบบอย่าง ที่สำคัญเราจะพบว่า แท้จริงแล้ว บางทีชีวิตของเราก็เป็นเหมือนซาอูล โยนาธาน โดเอก เป็นนาบาล เป็นอาบีเกล เป็นอาบีชัย และ อับเนอร์อย่างในครั้งที่แล้ว และ แน่นอน ดาวิด
แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่เราต้องไม่พลาดที่จะเรียนรู้และเข้าใจ คือ ผ่านชีวิตของคนเหล่านี้ ที่ไม่สมบูรณ์แบบ ยังมีความบาป และความผิดพลาด เราเรียนรู้พระลักษณะพระเจ้า ที่ทรงทำพันธกิจ ของพระองค์ผ่านชีวิตของคนเหล่านี้ แม้คนจะล้มเหลว พลาดพลั้งในความบาป แต่แผนการของพระเจ้าไม่เคยล้มเหลว
เช้านี้เราจะเข้ามาเรียนรู้พระลักษณะพระเจ้า ผ่านชีวิตของดาวิด ครับ ในบทที่ 27 บทส่งท้าย ผมคิดว่าเป็นบทจบคำเทศนาในซีรี่ส์นี้ที่เหมาะสมครับ
แต่ก่อนที่เราจะรับพระวจนะพระเจ้าในเช้า / บ่ายวันนี้ ให้เราร่วมใจกันอธิษฐานเพื่อรับพระคำจากพระเจ้าร่วมกันครับ
“พระเจ้าผู้ทรงพระคุณ โปรดประทานหัวใจที่ถ่อม ยินดีรับการสอน และใจที่เชื่อฟัง ในขณะที่ลูกรับการเปิดเผยและสำแดงจากพระคำของพระองค์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอทรงประทานกำลังที่ลูกจะสามารถกระทำตามสิ่งที่พระองค์ทรงเปิดเผยและสำแดง ให้เป็นจริงในชีวิตของลูก ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”
[Slide# 3]
พี่น้องครับ เราเคยมีประสบการณ์ต้องต่อสู้กับการสงสัยพระเจ้าในชีวิตของเรามั้ยครับ สงสัยแผนการพระเจ้าในชีวิตของเรา สงสัยในความสามารถพิเศษบางอย่างของเรา แม้กระทั่งอาจจะสงสัยในการทรงเรียกในชีวิตของเรา เมื่อเรายังต้องจมอยู่ในปัญหาเป็นเวลานานๆมั้ยครับ วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า เจอแต่ปัญหาเดิมๆ ดูเหมือนปัญหานั้นไม่เคยที่จะดีขึ้น จนบางทีเราก็อาจจะท้อใจ และ คิดว่าไม่เอาดีกว่า ไม่ไหวแล้วมั้ยครับ เราทำอย่างไรครับ
บางครั้งทำให้เราสงสัยพระเจ้า สงสัยในพระสัญญาของพระองค์ บางคนอาจสงสัยในการทรงเรียก
ทำไมพระเจ้าให้เราต้องจมอยู่ในปัญหานี้นานจังเลย
ทำไมพระเจ้ายังไม่ตอบคำอธิษฐานที่เราร้องทูลอยู่ในใจ
หลายต่อหลายครั้งเราก็เลือกที่จะ “หนีปัญหา” แทนที่จะยังคง “เผชิญ”กับปัญหานั้นต่อไป เพราะเรา “อ่อนล้า” แล้ว
เราเลือกที่จะ “หนีปัญหา” หรือ “จบปัญหา” โดยการไม่พูดถึงมันอีก
ภรรยาที่มีปัญหาความสัมพันธ์กับสามีอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนดูเหมือนแก้ไขไม่ได้แล้ว เลือกวิธีการที่จะสร้างกำแพงขึ้นกับสามี เลือกที่จะ ignore กันสามีออกจากชีวิตของเธอและลูกๆ ออกไปเลย
วัยรุ่นหรือคนที่ควรอยู่ในวัยทำงานแล้ว ไม่อยากต้องรับผิดชอบมากขึ้นในชีวิต มันกดดันเกินไป ไม่อยากเติบโต หนีจากความคาดหวังความจริงของชีวิตที่ต้องเผชิญ ก็เลือกที่จะเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ตลอดเวลา แทนที่จะออกจากบ้านไปหางานทำ หลายต่อหลายครั้ง คนที่เสพติดการเล่นเกมส์ก็เพื่อที่จะหนีจากชีวิตประจำวัน แต่ปัจจุบันก็กลายเป็นอาชีพได้นะครับ
บางคนเวลามีปัญหาที่บ้าน วิตกกังวล ความเครียดสะสม ต้องการการผ่อนคลาย ก็เลือกวิธีทางออก หนีออกจากปัญหาชั่วคราว หนีความเหงา ความโดดเดี่ยว การขาดการยอมรับ ด้วยการดื่มเหล้า ดูเวปโป้ หรือเลือกที่จะจมอยู่กับงาน ทำงานให้ยุ่งๆ กลายเป็นคนบ้างาน ไม่ยอมกลับบ้าน
วัยรุ่นบางคน ขาดความรักจากพ่อแม่ ก็เลือกที่จะคบหาและมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับใครก็ได้ ที่เข้ามาในชีวิตและพร้อมที่จะหยิบยื่นความสนใจ ความห่วงใยและ ความรักให้
ทั้งหมดนี้ เป็นการเลือกหาทางออกจาก ปัญหาที่เรากำลังเผชิญ และดูเหมือนว่ามันยาวนาน ด้วยการ “หนีปัญหา” และเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจนะครับ หลายต่อหลายคน เลือกที่จะ “หนีปัญหา” ด้วยการจบชีวิตตัวเอง
สัปดาห์ที่แล้วกรมสุขภาพจิตได้เปิดเผยตัวเลขสถิติคนไทยที่ฆ่าตัวตายสำเร็จ เพิ่มขึ้นแบบไต่ขึ้นเลยนะครับในช่วงสองสามปีนี้ แน่นอนครับ เป็นผลกระทบมาจากโควิด 19 ช่วงปีที่แล้ว เราพบกันน้อยลง ขาดเพื่อน ต้องอยู่กันห่างๆ อยู่ใกล้กัน กินข้าวด้วยกัน ก็มีความหวาดระแวง คนที่มีปัญหาทางสุขภาพจิตอยุ่แล้วยิ่งแย่เลย นี่ยังไม่รวมปัญหาเศรษฐกิจ ออกไปทำงานไม่ได้ ไม่มีนักท่องเที่ยว เศรษฐกิจชะลอตัว จริงๆต้องเรียกว่าถ้าเป็นรถยนต์ก็ เบรกกะทันหันจนหน้าคว่ำเลย ตกงาน ด้านท่องเที่ยวไปหมดเลย ร้านอาหาร ร้านนวด ร้านรับแลกเปลี่ยนเงิน จัดอีเวนต์ จัดแสงไฟ สายการบิน ไปหมดเลย
[Slide# 4]
พระคัมภีร์ในเช้า / บ่าย วันนี้เราเห็นดาวิด ครับ ดาวิดเลือกวิธีการจัดการกับปัญหา ด้วยการ “หนีปัญหา” เช่นกัน ไม่ไหวแล้ว เขาไม่อยากเล่นเกมส์ซ่อนหากับซาอูลอีกแล้ว เขาต้องการ “จบปัญหา” กับซาอูลแล้ว เขาเบื่อที่จะต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆในยูดาห์ต่อไปแล้ว ดูเหมือนดาวิดในบทนี้ ทำราวกับว่า เขาลืมการทรงเรียก การเจิมตั้งของซามูเอลให้เป็นกษัตริย์ตั้งแต่ในวัยเด็กหนุ่มไปแล้ว
เขาคิดกับตัวเอง เขาจะตายในมือของซาอูลไม่วันใดก็วันหนึ่ง ทั้งๆที่พระเจ้าบอกผ่านซามูเอล โยนาธาน และอาบีเกล ว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นกษัตริย์ แล้วเขาจะมาตายในมือซาอูลได้อย่างไร ?
ข้อที่ 1
“1ดาวิดนึกในใจว่า “ข้าคงจะพินาศสักวันหนึ่งด้วยพระหัตถ์ของซาอูล ไม่มีสิ่งใดดีกว่าที่ข้าจะหนีจริงๆ ไปอยู่ที่แผ่นดินคนฟีลิสเตีย แล้วซาอูลก็จะทรงหมดหวังที่จะค้นหาข้าอีกภายในพรมแดนอิสราเอล และข้าจะรอดพ้นจากพระหัตถ์ของพระองค์ได้”
ดาวิด วันนี้ในบทที่ 27 ช่างแตกต่างจากดาวิดในบทที่ 22 ตอนที่ดาวิดอยู่ที่ถ้ำอดุลลัม และ บทที่ 23 ดาวิดช่วยกู้เมืองเคอีลาห์ ดาวิดตอนนั้นทูลถามพระเจ้า ขอการทรงนำจากพระเจ้าตลอดทั้งบท ในทุกๆการตัดสินใจสำคัญๆของเขา
ตอนดาวิดพาครอบครัวไปฝากไว้ที่โมอับ ผู้เผยพระวจนะกาดก็นำพระคำพระเจ้าเรียกให้ดาวิดกลับยูดาห์ บทที่ 23 ก่อนที่ดาวิดจะช่วยกู้เมืองเคอีลาห์จากฟีลิสเตีย ดาวิดก็ทูลถามพระเจ้า เมื่อกู้สำเร็จ ไล่ฟีลิสเตียไปได้แล้ว ขนาดจะอยู่ต่อ ดาวิดก็ยังทูลถามพระเจ้าว่าจะอยู่ต่อได้มั้ย?
ดาวิด วันนี้ในบทที่ 27 เปลี่ยนไป เราอ่านทั้งบท 27 เราจะพบว่า ไม่มีการพูดถึงพระเจ้า พระยาห์เวห์เลย ไม่มีเลยครับ ดาวิดคิดเอง แล้วก็กลัวเอง แล้วก็ตัดสินใจเองเลย ทำไมดาวิดวันนี้เปลี่ยนไป ผ่านไปแค่สี่บท จากดาวิดคนเดิมที่ จะทำอะไรก็อธิษฐานถามพระเจ้าก่อน วันนี้ดาวิด ตัดสินใจ เลือกที่จะจบปัญหากับซาอูล ดาวิดไม่ได้ถามพระเจ้าเลยนะ เขาเลือกที่จะหนีไปปักหลักอยู่ที่ฟีลิสเตีย แต่จะไปอยู่อย่างไร ดาวิดต้องวางแผน ดาวิดในบทนี้ กลายเป็นนักวางแผน มั่นใจในตัวเอง และความจริงโหดเหี้ยมทีเดียว
[Slide# 5]
พี่น้องที่รักในคริสต์ครับ เราเริ่มต้นคำเทศนา ชีวิตของดาวิดในบทที่ 16 ดาวิด หนุ่มน้อยได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์จากซามูเอล ตอนนั้นดาวิดน่าจะอายุ 15 หรือ 16 ปี เป็นเด็กหนุ่มน้อย เลี้ยงแกะ และเชี่ยวชาญดนตรี ดีดพิณ บทที่ 17 ดาวิดล้มโกลิอัท นักรบรูปร่างสูงใหญ่ มากกว่า 3 เมตร ตอนนั้นดาวิด น่าจะอายุยังไม่ถึง 20 ปี เพราะดาวิดยังไม่ได้ต้องไปเป็นทหารแบบพี่ชายของเขา เกณฑ์ไปเป็นทหารได้ต้องอายุอย่างน้อย 20 ปี พ่อเจสซี่ใช้ ไหว้วานดาวิดให้เอาอาหารไปฝากพี่ชายที่ออกรบที่ ราบ ในหุบเขาเอลาห์
จากนั้นกราฟชีวิตของดาวิดก็พุ่งขึ้น ดาวิดพบโยนาธาน ลูกชายซาอูล เพื่อนฝ่ายวิญญาณ และทำพันธสัญญากัน พระเจ้าสถิตกับดาวิด เขาทำสิ่งใดก็สำเร็จ ผู้คนทุกคนล้วนชื่นชอบดาวิด จนซาอูลเริ่มจับตามอง และเริ่มรู้แล้วว่า ระแวงว่า ดาวิดคนนี้ใช่มั้ย ที่ซามูเอล ผู้เผยพระวจนะบอกว่า พระเจ้าจะยกบังลักให้กับคนที่ดีกว่าเขา ตอนนั้นดาวิดไต่ขึ้นไปจนเป็นถึงราชบุตรเขยของซาอูล แต่งงานกับมีคาล ลูกสาวของซาอูล ซาอูลต้องยกให้ อย่างเสียไม่ได้ เพราะดาวิดสามารถทำตามเงื่อนไขของซาอูลได้ การไล่ล่าเอาชีวิตของดาวิดก็เริ่มขึ้นในบทที่ 21 ดาวิดต้องหลบหนีการไล่ล่าเอาชีวิตของซาอูล หนีไปในถิ่นทุรกันดาร หลบไปอยู่ฟีลิสเตีย พอถูกจับได้ก็ต้องแสร้งเป็นคนเสียสติ จากนั้นก็หนีต่อ ไปอยู่ถ้ำอดุลลัม ที่นั้นมีคนมาขออยู่ด้วยจาก 400 คน เพิ่มเป็น 600 คน นับเฉพาะผู้ชายนะครับ ตามธรรมเนียมยิว
พระคัมภีร์บอกว่า ดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์เมื่ออายุ 30 ปี และในบทนี้ บอกว่าดาวิดอยู่ที่ฟีลิสเตีย 1 ปีกับอีก 4 เดือน ในข้อ 7 ดาวิด วันนี้ไม่ใช่เด็กหนุ่มอ่อนประสบการณ์เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว วันนี้ดาวิด มีชีวิตที่พร้อมมากกว่าดาวิด คนที่ต้องหลบหนีซาอูลอย่างหมดท่าในวันนั้นเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว วันนั้น ดาวิดไม่ต้องหนีไปหาปุโรหิต เพื่อขอกินขนมปังเหมือนตอนนั้นที่เขาอ่อนประสบการณ์และต้องหนีแบบไม่ทันตั้งหลัก ดาวิดวันนี้ตั้งหลักได้แล้ว วันนี้เขาเลือกที่จะหนีปัญหา และจบปัญหากับซาอูล อย่างมีชั้นเชิง แล้วครับ ตามสติปัญญาและกำลัง ของเขาเอง
เขามีกองกำลังติดอาวุธที่พร้อมรบ เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา 600 คน อาจจะเป็นกองกำลังที่ไม่มาก เมื่อเทียบกับกองทัพของซาอูล แต่ก็ป้องกันตัวเองได้และรบตอบโต้ได้ ดาวิดวันนี้มีครอบครัวแล้ว มีภรรยาสองคน ในข้อ 3 คือนางอาบีเกล (อดีตภรรยาของนาบาล) และ อาหิโนอัม ชาวยิสเรเอล ในข้อที่ 3 และกองกำลังของเขา 600 คน ก็ต้องมีครอบครัวติดตามมาด้วย บางคนอาจมีลูกๆด้วย รวมๆแล้ว ตอนนี้ดาวิดน่าจะมีคนที่ติดตามและคนที่เขาต้องดูแลอย่างน้อย ต้องมีสองพันคน ดาวิดมีครอบครัวที่เขาต้องดูแล
พี่น้องครับ เวลาที่เราอยู่ในปัญหาที่เผชิญมาระยะเวลาหนึ่ง ที่ค่อนข้างยาวนาน และเมื่อเราเริ่มมีความพร้อมมากขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น มีทักษะมากขึ้น บางที เราก็จะหลงลืมพระเจ้าได้ครับ ลืมการทรงเรียก ได้เหมือนกัน เมื่อเราเริ่มสงสัยในแผนงานการทรงเรียกพระเจ้าในชีวิตของดาวิด ดาวิดอาจจะเริ่มสงสัย การเจิมตั้งให้เขาเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล โดยซามูเอลตอนที่เขาเป็นเด็กหนุ่ม เมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว และตอนนี้ ซามูเอล คนที่ทำหน้าที่เจิมตั้งเขา ก็เสียชีวิตไปแล้ว เราทำหน้าที่ตอนนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า เรื่องการเป็นกษัตริย์ปล่อยไปก่อนเถอะ เอาตรงนี้ไปให้ได้ก่อน ดีกว่า ทำอย่างไร จะดูแลชีวิตของเรา และ คนอีกว่า 2,000 คน ให้รอดปลอดภัย
เราจำได้ใช่มั้ยครับ ว่าดาวิด ไว้ชีวิตกษัตริย์ซาอูลถึงสองครั้งในบทที่ 24 และ 26 ต่างกรรม ต่างวาระ ครั้งแรกเหมือนเป็นเหตุบังเอิญ ครั้งที่สอง เป็นการวางแผนอย่างตั้งใจของดาวิด ดาวิดเปลี่ยนไปแล้วนะครับ
และทั้งสองครั้ง ซาอูลดูเหมือนจะสำนึกได้ แต่ในที่สุดก็ยังคงตามฆ่าดาวิดอยู่ดี และดาวิดก็ฉลาดพอที่จะไม่ไว้ใจซาอูลอยู่ดี แม้แต่ในครั้งที่สอง ซาอูลก็ยังไม่เลิกล้มความคิดที่จะกำจัดดาวิด พบในข้อที่ 4 “4และเมื่อมีคนไปทูลซาอูลว่า ดาวิดได้หนีไปเมืองกัทแล้ว พระองค์ก็ไม่ได้ทรงเสาะหาท่านอีกต่อไป”
สำหรับผู้เชื่อแล้ว ช่วงเวลาที่เราหลงลืมพระเจ้า มักจะเป็นช่วงเวลาที่เราเริ่มสบายแล้ว พอจะตั้งหลักได้แล้ว มีทักษะพอควรแล้ว มีประสบการณ์มากพอแล้ว เหมือนดาวิดในเวลานี้ครับ ดาวิดวันนี้มีกำลัง มีประสบการณ์ เขาตั้งหลักได้แล้ว ช่วงนี้แหละครับ เป็นช่วงที่อันตรายมากสำหรับชีวิตของผู้เชื่อ ดาวิดไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพระเจ้าแล้ว เหมือนเมื่อก่อน ที่เขาอ่อนแอ ขาดประสบการณ์ และ เปราะบาง ตอนนี้เขาเชี่ยวชาญแล้ว เขาเก่งแล้ว เขาแน่แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องไปขอการทรงนำจากพระเจ้าใน “เรื่อง” นี้แล้ว เขาสามารถจบ “ปัญหา” นี้เองได้แล้ว ด้วยวิธีการของเขาเองแล้ว ไม่ต้องถามพระเจ้าแล้ว
ถ้าพูดด้วยศัพท์สมัยใหม่คือ ดาวิด เขาอยู่ใน comfort zone ใหม่ของเขาแล้ว เขาอยู่ในขอบเขตความปลอดภัยใหม่ของเขา เรียบร้อยแล้ว ตอนแรกที่ต้องหลบหนี ดาวิดต้องถูกบังคับให้ออกจาก comfort zone ของเขา เขาจำเป็นต้องพึ่งพาพระเจ้า เขาอ่อนแอ และเปราะบาง ผ่านไปๆ เขาชำนาญขึ้น เก่งขึ้น มีทักษะ ความพร้อมมากขึ้น comfort zone เขาขยายมากขึ้น วันนี้ เขามั่นใจแล้ว เวลาเราอยู่ใน comfort zone ของเราแล้ว เราจะไม่ต้องการพระเจ้าแล้ว เราลืมพระเจ้าไปแล้ว เพราะเราทำเองได้ทุกอย่าง หลับตาเราก็รู้แล้วว่า เดี๋ยวสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เราจะมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร มันกลายเป็นปกติชีวิตไปแล้ว ช่วงนี้แหละครับ อันตรายมากสำหรับผู้เชื่อ เพราะเป็นช่วงที่เราจะมั่นใจตัวเองมากที่สุด
พี่น้องจำได้มั้ย ครับ ช่วงที่เรา อ่อนแอ เผชิญกับปัญหาครอบครัว ใหม่ๆ ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร เราอธิษฐานพึ่งพาพระเจ้ามากเลย แต่ในวันที่เราพร้อมแล้ว เก่งแล้ว ชำนาญแล้ว เรามักจะหลงลืมพระเจ้า ไปง่ายๆ
[Slide# 6]
ดาวิดวันนี้ รำพึงในใจ และคิดแผนการในใจว่า อยู่แบบนี้ เล่นซ่อนหากับซาอูลในยูดาห์ วันหนึ่งต้องพินาศแน่นอน เขาไม่ต้องอยู่ในแผนการพระเจ้าที่บอกว่าให้ยังคงอยู่ในยูดาห์ พักเรื่องการเจิมตั้ง พระสัญญาพระเจ้าไว้ก่อนที่จะเป็นกษัตริย์ ตอนนี้ยังไงๆ ซาอูลก็ยังมีชีวิตอยู่ เลือกความอยู่รอดก่อนจะดีกว่า
“1ดาวิดนึกในใจว่า “ข้าคงจะพินาศสักวันหนึ่งด้วยพระหัตถ์ของซาอูล ไม่มีสิ่งใดดีกว่าที่ข้าจะหนีจริงๆ ไปอยู่ที่แผ่นดินคนฟีลิสเตีย แล้วซาอูลก็จะทรงหมดหวังที่จะค้นหาข้าอีกภายในพรมแดนอิสราเอล และข้าจะรอดพ้นจากพระหัตถ์ของพระองค์ได้”
เพื่อออกจากปัญหาที่ซาอูลไล่ฆ่าดาวิด ดาวิดเลือกที่จะ “จบปัญหา” แบบที่ทุกฝ่ายดีหมด ดีกับคนของเขา ดีกับครอบครัวของเขา ดาวิดเลือกที่จะไปแกล้งทำเหมือนจะสวามิภักดิ์กับ อาคิช กษัตริย์ของฟีลิสเตียที่เมืองกัท นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาคิด แต่ครั้งแรกล้มเหลว เพราะดาวิดยังไม่มีกองกำลัง แต่ครั้งนี้แตกต่าง เพราะดาวิดไปในฐานะของกองกำลังติดอาวุธ ไปเป็นทหารรับจ้างให้กับฟีลิสเตีย และ อาคีชก็โอเคร เพราะ ศัตรูของศัตรูของเราก็คือมิตรของเรา อาคีช โอเครเลย ต้อนรับดาวิดและกองกำลังของดาวิด
ฟังดูเป็นการ จบปัญหา ของดาวิด โดยการหนีไปอยู่กับฟีลิสเตีย ก็ make sense นะครับ จากมุมมองของมนุษย์ ซาอูลมีกองทัพที่มากกว่า ดาวิดมาก ดาวิดมีกองกำลังที่จำกัดเพียง 600 คน และก็ไม่ได้ถูกฝึกมาเป็นทหารมืออาชีพแบบกองทัพของซาอูล ทรัพยากรก็น้อยกว่าเป็นธรรมดา ถ้าเกิดเผชิญหน้ากัน ดาวิดก็จะพินาศ วันหนึ่งในที่สุด แต่ถ้ามองจากมุมมองจากพระเจ้า ดาวิดก็สามารถมั่นใจได้ว่า พระยาห์เวห์จะทรงปกป้องเขาอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะยังคงอยู่ในยูดาห์ พระเจ้าจะจัดเตรียม และ เลี้ยงดูคนของดาวิดแน่นอน
[Slide# 7]
การเลือกที่จะ “จบปัญหาหนึ่ง” หรือ “หนีปัญหา” จากปัญหาหนึ่ง หนีจากซาอูล กลับกลายเป็นการ เปิดประตูให้กับ ปัญหาใหม่ ให้กับดาวิด เหมือนหนีเสือปะจระเข้ เพราะดาวิด ต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบธรรม ดาวิดเลือกที่จะต้องโกหก หลอกลวง อาคีช ถึงขั้นที่เรียก แทนตนเองกับอาคีช ในข้อ5 ว่า “ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท” ไม่รู้ว่า ดาวิดตอนที่พูดคำๆนี้ เขารู้สึกอะไรมั้ย คำๆนี้ ควรจะเป็นคำที่เขาใช้กับ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของเขา หรือ คำๆนี้ที่เขา ต้องใช้กับ ซาอูล กษัตริย์แห่งอิสราเอล
การหลอกลวงนี้ ทำให้ดาวิดต้องกลายเป็น กองกำลัง ปล้น และเลือกที่จะสังหารให้หมด ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงเด้ก เรียกว่า ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพื่อปกปิดคำโกหก เพราะกลัวว่า อาคีช จะจับได้ว่าไปโกหกเขาว่า ไปปล้นพวกยูดาห์ด้วยกัน ฉบับแปลใหม่ แปลได้ถูกต้องแล้วครับ ดาวิด ต้อง “ปล้น” เพื่อความอยู่รอดในฟีลิสเตีย แม้ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นคนต่างชาติที่เป็นศัตรูของอิสราเอลก็ตาม ความจริงแล้วคนเหล่านี้ เกชูร์ เกเซอร และอามาเลข เป็นคำสั่งของพระยาห์เวห์ ให้โยชูวา กำจัดให้หมดจากแผ่นดินแห่งพันธสัญญา
ข้อ 8-9
“8ส่วนดาวิดกับคนของท่าน ก็ขึ้นไปปล้นคนเกชูร์ คนเกเซอร์ คนอามาเลข เพราะคนเหล่านี้อาศัยอยู่ในดินแดนนั้นตั้งแต่สมัยโบราณ ไกลไปจนถึงเมืองชูร์ถึงแผ่นดินอียิปต์ 9ดาวิดก็โจมตีแผ่นดินนั้น ไม่ไว้ชีวิตผู้ชายหรือผู้หญิง แต่ริบแกะ โค ลา อูฐ และเสื้อผ้า แล้วกลับมาหาอาคีช”
แรงจูงใจนี้ ทำไปเพื่อความอยู่รอดของตนเอง และกลบเกลื่อนทุกอย่าง เพื่อไม่ให้ใครมาจับโกหกได้ ไม่ต้องการให้ใครมาเปิดเผยความจริงนี้ ดาวิดไม่ได้ทำเพราะต้องการทำตามคำสั่งของพระยาห์เวห์นะ
สิ่งนี้ก็กลายเป็นพื้นฐานนิสัยของดาวิด ตอนที่เขาทำผิดบาปทางเพศกับนางบัชชีบา และพบว่าท้องกับดาวิด ดาวิดก็เลือกวิธีการนี้แหละครับที่เคยได้ผลตอนนี้ เมื่อทำอะไรไม่ได้แล้ว คือ วางแผนกำจัดอุรีอาห์สามีของนางบัชชีบา ไปเลย ไม่ต้องมีใครมากล่าวโทษเขาได้ และรับมาเป็นภรรยาเลย เพราะตายไปแล้ว โหดเหี้ยมมากนะครับ ก็มาจากท่าทีตอนนี้แหละครับ ปกปิดความผิด ด้วยการฆาตกรรมให้หมด
เรื่องราวของดาวิดในบทนี้ สอนเราเกี่ยวกับพระลักษณะของพระเจ้า ท่ามกลางความอ่อนแอของดาวิด ดาวิดสงสัยพระสัญญาพระเจ้า ตอนท่านรำพึงในใจว่า ขืนอยู่อย่างนี้ เราพินาศในมือของซาอูลแน่ ประโยคนี้ บอกกับเรา ดาวิดสงสัยในแผนการพระเจ้าที่จะให้ท่านเป็นกษัตริย์ ท่านอยู่ช่วงที่ขาดความเชื่อและใช้ประสบการณ์ ทักษะที่มีอยู่ ทดแทนความเชื่อที่ขาดหายไป ความเชื่อที่ว่าอย่างไรพระเจ้าจะปกป้องท่าน เหมือนอย่างที่พระองค์ทรงปกป้องดาวิดครั้งแรกครั้งเล่าในอดีต ไม่อย่างงั้น ดาวิดไม่เลือกที่จะหนีไปที่ฟีลิสเตียแน่นอน
การทรงเรียกท่านให้เป็นกษัตริย์ ซามูเอลก็ตายไปแล้ว ตอนนี้ขอแก้ปัญหา เอาตัวรอดไปก่อน แม้ว่าวิธีการของดาวิด ต้องไปโกหก หลอกลวง ศัตรู และ ปล้นฆ่า ชนชาติต่างๆรอบอิสราเอลเพื่อความอยู่รอด แต่พระเจ้าก็ยังคงทำงานผ่าน การตัดสินใจของดาวิดได้
[Slide# 8]
ความสงสัยในพระคำพระเจ้า เกิดจาก ประสบการณ์ในขณะที่กำลังเผชิญอยู่ ยังตรงกันข้าม ขัดแย้ง กับพระคำของพระเจ้า พระสัญญาพระเจ้า
พี่น้องบางคน และหลายคน อาจจะกำลังอยู่ในสภาพแบบดาวิดก็ได้ครับ เมื่อ เรามีความสงสัยในพระคำ พระเจ้า พระสัญญาพระเจ้า
ในมาระโก 9 พระเยซูรักษาลูกของชายคนหนึ่งที่ถูกผีโสโครกเข้าสิง บิดาขอร้องให้พระเยซูขับผีออกจากลูกชายของตน พระเยซูตรัสกับพ่อของเด็กคนนั้นว่า “ใครที่มีความเชื่อก็สามารถทำได้ทุกสิ่ง” ข้อที่ 24 บิดานั้นทูลตอบพระเยซูทันทีว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ และขอโปรดช่วยในส่วนที่ขาดอยู่ด้วยเถิด”
สำหรับผู้เชื่อแล้ว เหตุการณ์ของดาวิดในบทนี้ สามารถเกิดขึ้นเราได้ทุกคนครับ แม้ว่าเรามีความเชื่อในพระเจ้า แต่เราก็ยังขาดความเชื่ออยู่ที่จะ เชื่อพระสัญญาของพระเจ้าได้อย่างสนิทใจ เพราะเราอ่อนแอในความเชื่อครับ พี่น้อง นี่คือความจริงของมนุษย์ ดาวิด เป็นตัวแทนของเราทุกคนในที่นี่ครับ ที่พึ่งพากำลังและสติปัญญาของตนเอง แม้ว่ามีความเชื่อในพระเจ้าก็ตาม
ความสงสัยในพระคำพระเจ้า เกิดจาก ประสบการณ์ในขณะที่กำลังเผชิญอยู่ ยังตรงกันข้าม ยังขัดแย้ง กับพระคำของพระเจ้าที่เป็นพระสัญญาของพระองค์
[Slide# 9]
เรียนรู้พระลักษณะพระเจ้าผ่านการสงสัยพระเจ้าในชีวิตของเรา แม้ในความอ่อนแอของเราที่เป็นผู้เชื่อ
(1) พระเจ้าไม่ละทิ้งผู้เชื่อแม้ว่าผู้เชื่อจะสงสัย ขาดความเชื่อก็ตาม (ข้อ 4, 6)
พระเจ้าที่เปิดเผยในพระคำตอนนี้ ไม่ใช่พระเจ้าที่เป็นเจ้านายที่ดุร้าย ที่พร้อมจะลงโทษผู้รับใช้ของพระองค์ที่ผิดพลาด ผู้เชื่อที่ขาดความเชื่อหรือสงสัยในพระสัญญาของพระองค์ พระเจ้าที่เรานมัสการไม่ใช่แบบนั้น
วิธีการทำงานของพระเจ้าในผู้เชื่อที่ขาดความเชื่อคือ พระองค์ยังคงหนุนใจ สนับสนุนผู้เชื่อ เพื่อที่เขาจะเติบโตขึ้นในความเชื่อในชีวิตของเขา เหมือนอย่างที่พระเจ้าก็กำลังทำงานในชีวิตของเรา ที่อาจกำลังขาดความเชื่ออยู่ ยังสงสัยในพระสัญญาของพระเจ้า ไม่ได้หมายความว่า พระเจ้าจะต้องตอบทุกๆคำอธิษฐานของเรา แต่หมายความว่า พระองค์ยังทรงอยู่กับเรา และ ช่วยให้เรามีความเชื่อมากขึ้นเมื่อเราเดินไปกับพระองค์
ในมาระโก 9:23-24 เมื่อพ่อของเด็กที่ถูกผีโสโครกเข้าสิงสู่ ยอมรับพระเยซูว่าใช่ตนมีความเชื่อที่ยังขาดอยู่ และขอพระเยซูช่วยเพิ่มเติมความเชื่อให้เขา พระเยซูทรงขับผีให้กับลูกของเขา และพระองค์ทรงหนุนใจเขาให้มีความเชื่อ
ดาวิดอาจจะเริ่มสงสัยในพระสัญญา การเจิมตั้งเขาเป็นกษัตริย์ปกครองเหนืออิสราเอล วางแผนหนีไปอยู่ฟีลิสเตีย พระเจ้ายังคงสถิตอยู่กับดาวิด พระองค์ทรงปกป้องดาวิด พระองค์ทรงทำให้แผนของดาวิดสำเร็จ ซาอูลหยุดไล่ล่าดาวิดจริงๆ เมื่อทราบข่าวว่าดาวิดหนีไปอยู่ฟีลิสเตีย แผนการที่ดาวิดวางไว้สำเร็จจริงๆ
[Slide# 10]
พระเจ้าทรงเพิ่มเติมความเชื่อให้ดาวิดในการเป็นกษัตริย์ในอนาคต ให้อาคิช โปรดปรานดาวิด ถึงขนาดยอมมอบเมืองศิกลาก ให้ดาวิดไปอยู่ เมื่อดาวิดเอ่ยปากขอเมืองนี้อาคิช และเป็นไปตามพระสัญญาของพระยาห์เวห์ ในข้อ 6
“6ในวันนั้นอาคีชทรงมอบศิกลากให้ท่าน ดังนั้นศิกลากจึงกลายเป็นของบรรดากษัตริย์ยูดาห์จนถึงทุกวันนี้”
ศิกลาก ได้กลายเป็นเมืองของคนต่างชาติแรกที่ดาวิดยึดมาได้จากฟีลิสเตีย เป็นไปตามพระสัญญาของพระเจ้า ควรจะเป็นมรดกให้กับเผ่ายูดาห์ ใน โยชูวา 15: 31 แต่ในสมัยของซาอูล ศิกลากกลับตรงไปอยู่กับฟีลิสเตีย แต่เพราะมือของพระเจ้าอยู่กับดาวิด แม้ในความสงสัยของดาวิด ศิกลากกลับมาอยู่กับยูดาห์ เพราะดาวิด
พระเจ้าไม่ละทิ้งดาวิด และ การให้ศิกลาก เป็นส่วนหนึ่งกับยูดาห์ ทั้งๆที่ซาอูลที่เป็นกษัตริย์ทำไม่ได้ ก็เป็นหมายสำคัญหนึ่งที่ พระเจ้ากำลังบอกกับดาวิดว่า พระองค์ทรงไม่ละทิ้งดาวิด และ ช่วยเพิ่มพูนความเชื่อให้กับดาวิด กับพระสัญญาของพระองค์
ที่เมืองศิกลากนี้เอง ที่กลายเป็นฐานปฎิบัติการของดาวิด และกองกำลังของท่าน เมื่อท่านทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของซาอูล เพื่อที่ดาวิดจะรวบรวมกำลังและผนึกอิสราเอล ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ถัดไป
เราเห็นพระหัตถ์พระเจ้า ในการจัดเตรียมให้กับดาวิด พระเจ้าไม่ทรงละทิ้งท่าน แม้ว่าท่านจะขาดความเชื่อก็ตาม
[Slide# 11]
(2) แม้ในขณะที่เราขาดความเชื่อ พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ (ข้อ 8-9)
แผนการของพระเจ้า ความสัตย์ซื่อของพระองค์ยังคงดำเนินต่อไป แม้ในขณะที่เราขาดความเชื่อ เพราะ พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ พระองค์ยังทรงกระทำกิจของพระองค์ พันธกิจของพระองค์ต่อไป แม้ในขณะที่เราขาดความเชื่อ ความจริงคือ การดำเนินงานของพระเจ้า แผนการความรอดของพระเจ้า ไม่ขึ้นอยู่กับขนาดความเชื่อของเรา แน่นอนพระเจ้ายังคงใช่ชีวิตของเราได้ แม้ในยามที่เราอ่อนแอและขาดความเชื่อ เพราะความเชื่อไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา แต่เพราะว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ
ในเรื่องของดาวิด แม้ว่าดาวิดจะยังคงสงสัยและขาดความเชื่อ พระองค์ยังคงทำงานผ่านความไม่สมบูรณ์แบบ การขาดความเชื่อของดาวิด พระองค์สัตย์ซื่อ แผนงานของพระองค์ยังคงทำผ่านชีวิตของดาวิด การเข้าไปยึดครอง เกชูร์ เกเซอร และอามาเลข และกำจัดคนทั้งหมด ซึ่งถึงแม้ว่าดาวิดจะทำด้วยแรงจูงใจที่ต้องการหลอกลวงอาคีช แต่ก็ทำให้พระบัญชาของพระเจ้าสำเร็จ ดาวิดทำให้การรบของพระยาห์เวห์สำเร็จ ในการทำลายล้างคนเหล่านี้ในคานาอัน เพื่อเป็นการพิพากษาคนเหล่านี้
ดาวิดทำแผนการพระเจ้าสำเร็จ เขาทำหน้าที่แทนซาอูลที่ล้มเหลวในการทำหน้าที่ที่เขาควรจะทำให้สำเร็จในฐานะกษัตริย์ของอิสราเอล ดาวิดกวาดล้างคนอามาเลขให้หมด ในขณะที่ซาอูลขัดคำสั่งพระเจ้า และเก็บส่วนดีไว้ให้กับตนเองและพวกพ้อง
แม้ในขณะที่ดาวิดขาดความเชื่อ พระเจ้าทรงใช้ดาวิดให้ทำแผนการของพระองค์ให้สำเร็จในบทบาทของกษัตริย์ของอิสราเอล บทบาทที่ซาอูลไม่ยอมทำ
พี่น้องที่รักครับ ในขณะที่เราอ่อนแอ และขาดความเชื่อ ในสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ เราอาจจะสงสัยในพระคำพระเจ้า พระสัญญาของพระเจ้า อาจจะมีคำอธิษฐานบางอย่างที่พระเจ้าเงียบ ไม่ตอบ และเราเริ่มที่จะตัดสินใจทำบางอย่าง เพื่อหลีกหนีจากปัญหานั้นๆ สถานการณ์นั้นๆ ด้วยสติปัญญาของเราเอง ขอให้เรารู้ไว้นะครับ จากพระคำในเช้า / บ่ายวันนี้ว่า
เราในฐานะของผู้เชื่อ ในพระคริสต์ แม้ในขณะที่เราขาดความเชื่อ พระเจ้ายังคงไม่ละทิ้งเรา และยังคงสัตย์ซื่อในชีวิตของเรา พระองค์ยังคงทำงานในชีวิตของเราให้เรามีส่วนในแผนการความรอดของพระองค์ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง พระองค์ยังคง หนุนใจเรา และ เพิ่มพูนความเชื่อในชีวิตของเรา เพราะพระองค์ทรงสัตย์ซื่อ พระองค์จะทรงทำให้แผนการความรอดของพระองค์สำเร็จในชีวิตของเรา
[Slide# 12]
ฟีลิปปี 2:13 อาจารย์เปาโลหนุนใจผู้เชื่อในฟีลิปปีว่า
“13เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงทำการอยู่ภายในพวกท่าน ให้ท่านมีความประสงค์และมีความสามารถทำตามชอบพระทัยของพระองค์”
พระเจ้ายังคงทำงานในชีวิตของเรา ชีวิตของเรายังคงสร้างไม่เสร็จ จนกว่าเราจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ พระเจ้าจะยังคงสัตย์ซื่อและทำงานในชีวิตของเรา ท่ามกลางความไม่สมบูรณ์ของเรา พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งพระคุณ
[Slide# 13]
ยูดา 1:22 “22และจงมีใจเมตตาคนที่ยังสงสัยอยู่”
พระองค์ยังคงทำงานอยู่และมีใจเมตตาต่อคนที่ยังขาดความเชื่อ จนกว่าจะสำเร็จในชีวิตของเรา เราในฐานะที่เป็นลูกที่ยังสงสัยและขาดความเชื่อ อาเมน
ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
“เรียนรู้จักพระเจ้า...ในขณะที่เราขาดความเชื่อ”
1 ซามูเอล 27
วันอาทิตย์ 4 กันยายน 2022
บทนำ
(1) ดาวิดรำพึงในใจว่า “1ดาวิดนึกในใจว่า “ข้าคงจะพินาศสักวันหนึ่งด้วยพระหัตถ์ของซาอูล ไม่มีสิ่งใดดีกว่าที่ข้าจะหนีจริงๆ ไปอยู่ที่แผ่นดินคนฟีลิสเตีย แล้วซาอูลก็จะทรงหมดหวังที่จะค้นหาข้าอีกภายในพรมแดนอิสราเอล และข้าจะรอดพ้นจากพระหัตถ์ของพระองค์ได้”
(2) ดาวิดวันนี้เป็นดาวิดคนใหม่ที่มีประสบการณ์ มีทักษะ มีความพร้อมและมีกองกำลัง จุดแข็งของเขาวันนี้ กลับ กลายเป็นจุดอ่อนของดาวิดที่เริ่มสงสัยในพระสัญญาของพระเจ้า และหาทางออกปัญหาด้วยกำลังของมนุษย์
(3) ผ่านชีวิตของดาวิดและคนอื่นในซีรีส์นี้ ที่ไม่สมบูรณ์แบบ ความบาป ความผิดพลาด เราเรียนรู้พระลักษณะพระเจ้า ที่ยังคงทำพันธกิจของพระองค์ผ่านชีวิตของคนเหล่านี้ แม้คนจะล้มเหลว พลาดพลั้งในความบาป แต่แผนการของพระเจ้าไม่เคยล้มเหลว
“เรียนรู้จักพระเจ้า...ในขณะที่เราขาดความเชื่อ”
เรียนรู้พระลักษณะพระเจ้า สองประการ ในขณะชีวิตเราที่อ่อนแอ ขาดความเชื่อ
(1) พระเจ้าไม่ละทิ้งผู้เชื่อแม้ว่าผู้เชื่อจะสงสัย ขาดความเชื่อก็ตาม (ข้อ 4, 6)
มาระโก 9: 23-24; โยชูวา 15: 31
(2) แม้ในขณะที่เราขาดความเชื่อ พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ (ข้อ 8-9)
ฟีลิปปี 2:13; ยูดา 22
คำถามสำหรับกลุ่มย่อยเพื่อการไตร่ตรอง:
(1) มีสิ่งใดหรือปัญหาใดในชีวิตของเราที่ทำให้เรายังคงสงสัยพระเจ้า และขาดความเชื่อ ลองแบ่งปันกับสมาชิกในกลุ่มย่อย
(2) เราเห็นพระหัตถ์พระเจ้าที่ยังคงทำงานอยู่ท่ามกลางปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่หรือไม่ เรามั่นใจได้อย่างไรว่า พระเจ้ายังอยู่กับเรา แม้ในความอ่อนแอของเรา และ พระองค์ทรงสัตย์ซื่ออยู่ในชีวิตของเรา
Related Media
See more
Related Sermons
See more