Happiness in Following ความสุขแท้ในการติดตามพระคริสรต์

Following Jesus  •  Sermon  •  Submitted
0 ratings
· 678 views

The Beatitudes

Notes
Transcript

[Slide 1] พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน (และสถิตอยู่กับท่านด้วย)

บรรดาคำสอนทั้งหลายของพระเยซูนั้น คำเทศนาบนภูเขา ใน พระธรรมมัทธิว บทที่ 5, 6 และ 7 เป็นคำสอนที่จัดว่าเป็นระบบมากที่สุด และแสดงให้เห็นถึงจุดประสงค์ของพระเยซูที่ต้องการ ปฏิรูปชีวิตมนุษย์ไปสู่หนทางที่ถูกต้อง อีกทั้งเป็นหลักจริยธรรมที่พระองค์ทรงมอบให้แก่ผู้เชื่อ ผู้ที่ประพฤติตามก็จะได้พบกับ ความสุขที่แท้จริง

ความสุขแท้ 8 ประการ ในการติดตามพระคริสต์นี้ เป็นส่วนหนึ่ง ของ คำเทศนาบนภูเขา ใน มัทธิว บทที่ 5, 6 และ 7

ความสุขแท้ 8 ประการ เป็นเหมือนกับ บทนำ ของคำเทศนาบนภูเขา และเป็นพระธรรมที่เรา ที่เป็นคริสเตียน มักจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี

[Slide 2] John Stott พรีสท์ ของแองลิกัน นักศาสนศาสตร์ ในหนังสือเรื่อง คำเทศนาบนภูเขา ได้กล่าวว่า

“คำเทศนาบนภูเขา เป็นคำสอนของพระเยซูคริสต์ ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดี แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคำสอนที่ เนื้อหาเป็นที่เข้าใจน้อยที่สุด และก็แน่นอนว่าเป็นคำสอน ที่มีผู้เชื่อฟังและนำไปปฏิบัติได้น้อยที่สุดด้วยเช่นกัน”

ในโลกของเราปัจจุบัน ก็มีคนที่แม้ไม่เชื่อพระเจ้า แต่ก็จะประทับใจในคำสอน นี้เช่นกัน และ ยกคำสอนของพระเยซู คริสต์ ว่าเป็นคำสอนด้านศีลธรรมที่ดี ในการดำเนินชีวิต ที่เป็นแบบอย่างที่ดีใน อุดมคติ ตัวอย่างคำสอนที่มักเป็นที่กล่าวถึงกัน ในคำเทศนาบนภูเขา “จงรักศัตรูของท่าน” “ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย” แต่ในความเป็นจริง เราก็ยอมรับว่า เป็นคำสอน ที่ยากที่จะนำมาประยุกต์ใช้ เป็นคำสอนที่ดีแต่ยาก ในการนำไปปฏิบัติจริง

ผมคิดว่า เราในที่นี่ หลายๆ คน ก็คงจะมีความคิดนี้เช่นเดียวกัน คำสอนนี้ ก็เป็นสำหรับ ผู้เชื่อที่เติบโตฝ่ายจิตวิญญาณ ระดับอาจารย์ Priest หรือ บิชอป น่าจะทำได้ แต่ อย่างเราๆ คงเป็นไปไม่ได้หรอก เราก็อาจจะฟังๆ เอาไว้ เพราะเราคงไม่ได้มี จิตวิญญาณที่เติบโต ขนาดนั้น

สำหรับคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า ก็อาจจะคิดว่า คำสอน เกี่ยวกับ ความสุขที่แท้จริงนี้ เป็นคำสอนที่ไร้สาระ เป็นไปไม่ได้ คำสอนนี้ดูดี แต่นำไปใช้จริงไม่ได้ เพราะเมื่อไรก็ตามที่นำคำสอนนี้ไปใช้จริงในชีวิต เราจะกลายเป็นคนที่ถูกเอาเปรียบ กลายเป็นผู้แพ้ และถูกรังแก มีสภาพเป็นเหมือนกับ พรมเช็ดเท้า ให้คนอื่นเหยียบย่ำ คนฉลาดๆ จะไม่มีทาง นำคำสอนนี้ ไปใช้จริงในชีวิตอย่างแน่นอน

ไม่ว่า แต่ละคนจะคิดเกี่ยวกับคำสอนนี้อย่างไร ทั้งผู้เชื่อ และผู้ไม่เชื่อ บ่ายวันนี้ ผมอยากจะพาพวกเราที่นี่ทุกคน เข้ามาดูความจริง ที่อยู่ในคำสอนของพระเยซู คริสต์ เรื่อง ความสุขที่แท้จริง ด้วยกันครับ

[Slide 3] เริ่มต้น ในข้อที่ 1 และ 2

“เมื่อทอดพระเนตรเห็นฝูงชน พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขา และเมื่อประทับแล้ว เหล่าสาวกของพระองค์มาเฝ้าพระองค์ แล้วพระองค์จึงตรัสสอนพวกเขาว่า”

ในตอนนี้เราจะเห็นว่า มัทธิว ได้ให้เราเห็นถึงคนสองกลุ่มที่ติดตามพระเยซู คริสต์ คนกลุ่มที่ 1 คือ ฝูงชน หรือ มหาชน และ คนกลุ่มที่สอง คือ สาวกของพระคริสต์

คำสอนเรื่อง คำเทศนาบนภูเขา เป็นข้อความสำคัญ ที่พระเยซู ต้องการสื่อถึง สาวก ของพระองค์ก่อนเป็นลำดับแรก ไม่ใช่ใครก็ได้ที่ตามพระองค์มา

ตั้งแต่ มัทธิว บทที่ 4 หลังจากพระเยซู ทรงรับบัพติสมาจาก ยอห์น ผู้ให้บัพติสมาที่แม่น้ำจอร์แดน มารทดลองพระองค์ในถิ่นทุรกันดาร ทรงเรียกสาวกให้ติดตามพระองค์ คือ ซีโมน อันดูร ยากอบ และ ยอห์น พระเยซู เริ่มต้นประกาศข่าวประเสริฐ เรื่องแผ่นดินของพระเจ้า และทรงรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ขับผี กิตติศัพท์ของพระองค์ก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว จึงมีผู้คน เริ่มติดตามพระองค์เป็นจำนวนมาก พระคัมภีร์บันทึกว่า มหาชนติดตามพระองค์ทั่วทั้ง แคว้น กาลิลี ทศบุรี เยรูซาเล็ม ยูเดีย และแม่น้ำจอร์แดนฝั่งตะวันออก

[Slide 4] วันนี้ เรากำลังติดตาม พระเยซู แบบ มหาชน หรือ แบบสาวก ของพระคริสต์ ?

เราเป็นหนึ่ง ในบรรดามหาชน กลุ่มคนจำนวนมาก ที่ติดตามพระองค์ หรือ เป็น หนึ่งในสาวกจำนวนไม่มาก ที่อุทิศตัว ติดตามพระองค์

มหาชน ติดตาม พระเยซู เพราะได้รับ และ ต้องการประโยชน์จากพระองค์ บางคนอาจต้องการความตื่นเต้น เหมือนกับ ดูโชว์ การแสดง

ตื่นเต้นที่เห็นพระเยซู ขับผี ตื่นเต้นที่เห็นพระเยซู รักษาโรค ตื่นเต้นเพราะพระเยซู พึ่งรักษาความเจ็บป่วยของตัวเองให้หาย เลยตามพระองค์มา ตื่นเต้น เพราะเพื่อน ชวนมา และ บอกต่อๆกันมา แล้วก็ตามๆกันไป

มหาชน ที่ติดตาม พระเยซู นี้ ก็พร้อมที่จะ ทิ้งพระเยซู ไปได้ทันทีเหมือนกัน เมื่อไม่ได้รับพระพรจากพระองค์อีกแล้ว ถ้าต้องลำบาก ถ้าเราต้องเผชิญกับโรคภัยไข้เจ็บ ถ้าเราต้องจ่ายราคาในการติดตามพระองค์ หรือ ถ้าพระองค์สอนในสิ่งที่ไม่ถูกใจ เราก็พร้อมที่จะทิ้ง พระเยซู ได้ทันที

คำถามที่สำคัญที่ผมอยากจะถามกับพี่น้องที่นี่ ว่า “บ่ายวันนี้ เรามาคริสตจักร เพราะอะไร? เรามาหาอะไรจากคริสตจักรครับ? อะไรคือท่าที แรงจูงใจของเราในการมาคริสตจักรครับ? เราต้องการประโยชน์ พระพรอะไรในการมาคริสตจักร?”

บางคน มา เพราะเหงา อยากมีเพื่อน ต้องการสังคม เพราะรู้ว่า คริสเตียนส่วนใหญ่ใจดี เป็นคนน่ารัก

บางคน มา เพราะ “ต้องมา” การเป็นคริสเตียนที่ดี ก็ต้องมาคริสตจักรทุกวันอาทิตย์ ห้ามขาดการนมัสการ พี่เลี้ยงเคยสอนเอาไว้

บางคน อาจจะมา เพราะอยากจะมาหาแฟน ที่นี่

บางคน มา เพราะอยากจะมาเริ่มต้นชีวิตใหม่

บางคน มา เพราะว่า ประทับใจ ในทีมต้อนรับ ความเป็นมิตร ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น

บางคน มา เพราะว่า เวลาลงตัว เป็นช่วงบ่าย ช่วงเช้าอาจจะไม่สะดวก อาจจะไม่อยากตื่นนอนเช้า หรือ อาจจะมีธุระในช่วงเช้า

บางคน อาจจะมา เพราะ ลูกๆ จะได้มีกิจกรรมทำช่วงเสาร์ อาทิตย์ หรือ เพราะว่า ลูกๆ ชอบและอยากมาที่นี่ มีเพื่อน เล่นด้วยกัน

บางคน อาจจะมา เพราะ อยากมาฟัง คำเทศนา ได้ข้อคิด นำสิ่งที่ได้ยิน ไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

บางคน มา เพราะว่า ชอบแนวดนตรี ชอบเพลง นมัสการพระเจ้า

บางคน อาจจะมา เพราะต้องการ Connection อยากจะมาหาโอกาสช่วยเสริมสร้างธุรกิจ มีโอกาสหาลูกค้าใหม่ๆ

บางคน อาจจะมา เพราะว่า ได้รับพระพร ได้รับการช่วยเหลือบางอย่าง อย่างอัศจรรย์จากพระเยซู ผ่านคำอธิษฐาน

บางคน มา เพราะ ต้องการ รับการอวยพรจากพระเจ้า รู้สึกว่าต้องมา เพื่อให้พระเจ้าอวยพรชีวิต ถ้าไม่มาแล้ว เดี๋ยวพระเจ้าจะไม่อวยพรชีวิตเรา

บางคน มา เพราะมี หน้าที่ ความรับผิดชอบ ต้องทำ ในรอบนมัสการ

บางคน มา เพราะ โบส์ถ สวยดี มีแอร์เย็นๆ หรือ เพราะว่า สะดวก ใกล้บ้านดี

ไม่ว่าบ่ายวันนี้ เราจะมา คริสตจักรด้วย หน้าที่ ท่าที แรงจูงใจ อย่างไรก็ตาม ขอ อย่าให้เราเป็นเพียงแค่ หนึ่ง ใน มหาชน ที่ติดตามพระเยซู อยู่ห่างๆ เพียงเพื่อรับพระพร จากพระเยซู เพียงอย่างเดียว อย่าติดอยู่แค่การรับพระพร หรือ ผลประโยชน์บางอย่างที่เป็นสิ่งชั่วคราว ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี แต่พลาด สิ่งที่ดีที่สุด คือ ไม่ได้ฉวย พระเยซู ไว้ พลาด ไม่ได้เข้าใน อาณาจักร แผ่นดินของพระองค์ ผมอยากให้เราติดตามพระเยซู แบบ “ตามติดๆ ติดสนิท” สามารถก้าวข้าม การรับพระพร แต่ให้เราเป็นเหมือนกับ สาวกที่พระองค์ทรงเรียก ให้ติดตาม เป็นสาวกแท้ของพระองค์ ที่พระองค์ปรารถนาให้เราได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ในการติดตามพระองค์ คือ

เริ่มต้น ที่ ความรอด และตามมาด้วย ลักษณะชีวิตที่เปลี่ยนแปลง เป็นลักษณะชีวิตที่นำมาซึ่งความสุขแท้จริงในการติดตามพระองค์

[Slide 5] John Stott กล่าวต่อไปอีก ในหนังสือของเค้าว่า

“จุดมุ่งหมายของ คำเทศนาบนภูเขา (ซึ่งความสุขแท้ 8 ประการก็อยู่ในนั้น) จะสามารถเป็นจริงได้ในชีวิตของผู้เชื่อ เฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์การบังเกิดใหม่ และรับกำลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เท่านั้น”

ทำไมพระเยซู คริสต์ จึงเริ่มต้น คำเทศนาบนภูเขา ด้วย ความสุขแท้ 8 ประการในการติดตามพระคริสต์ ?

บทเทศนาบนภูเขา พระเยซู คริสต์ เริ่มต้น โดยการบรรยาย คุณลักษณะ ลักษณะชีวิต ของผู้เชื่อ ที่เป็นสาวก ติดตามพระองค์ ใน ความสุขแท้ 8 ประการ ผู้ที่ยากจนด้านจิตวิญญาณ ผู้ที่โศกเศร้า ผู้ที่สุภาพ อ่อนโยน ผู้ที่หิวกระหายความชอบธรรม ผู้ที่มีใจเมตตา ผู้ที่มีใจบริสุทธิ์ ผู้ที่สร้างสันติ และ ผู้ที่ถูกข่มเหงเพราะเหตุแห่งความชอบธรรม แล้วจึง ตามด้วย ธรรมบัญญัติ ในบทที่ 5, 6 และ 7

เริ่มต้น ที่รับ พระคุณพระเจ้า รับ ลักษณะชีวิตที่เปลี่ยนแปลง แล้วจึงตามด้วย ธรรมบัญญัติ เพื่อที่สาวกของพระองค์ จะเป็นเกลือและแสงสว่าง ดำเนินชีวิตที่ชอบธรรม มีชีวิตที่สะท้อนพระลักษณะของพระเจ้า เป็นพยานให้กับคนบนโลกนี้

ผมอยากให้เราวันนี้มาคริสตจักร ไม่เพียงแต่ เพื่อตอบสนองความต้องการ หรือรับ พระพร เท่านั้น แต่ให้เราได้สิ่งที่สำคัญ ที่พระเยซู คริสต์ปรารถนา จะให้เราได้รับ อย่างครบ บริบูรณ์ ผ่าน คำเทศนาบนภูเขา ที่เริ่มต้นด้วย ความสุขแท้ 8 ประการ

[Slide 6]

เป้าหมายที่แท้จริงในการติดตามพระเยซู คริสต์ คือ การที่เรามีชีวิตที่รับการเปลี่ยนแปลง เป็นเหมือนกับพระเยซู คริสต์ เหมือนอย่างคำสอนของพระคริสต์ คำเทศนาบนภูเขา ที่เริ่มต้นด้วย ความสุขแท้ 8 ประการ

พระเยซู ทรงเรียกเรามา ให้เป็นสาวกของพระองค์ ติดตามพระองค์ แบบ “ตามติดๆ แบบติดสนิท” ก็เพื่อที่เรา จะมี ชีวิตที่เป็นเหมือนกับ พระคริสต์ ในที่สุด ให้ชีวิตของเราเป็น imago Dei คือ ภาพสะท้อน พระลักษณะพระเจ้า ในชีวิตของเรา ผ่าน ลักษณะชีวิตฝ่ายวิญญาณ ลักษณะชีวิตของผู้เชื่อที่ได้รับ ความสุขที่แท้จริง

พระเจ้าทรงสนพระทัยในสิ่งที่เราเป็น มากกว่าสิ่งที่เราทำ

พระเยซู ทรงเริ่มต้น คำเทศนาบนภูเขา โดย บรรยายถึง ลักษณะชีวิต ของผู้เชื่อที่เป็นสาวกติดตามพระองค์ ก่อน ที่จะตามมาด้วย คำสั่ง หรือ บทบัญญัติทางด้านศีลธรรม จริยธรรม ที่เราต้องกระทำตาม ซึ่งเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมของ ประชากรของพระองค์ สิ่งที่พระองค์คาดหวังให้สาวกทำ ในบทที่ 5, 6 และ 7 เราจะสังเกตได้ว่า เกิดขึ้น หลังจาก ความสุขแท้ 8 ประการแล้ว จะตามมาด้วย คำสั่งให้ผู้เชื่อต้องกระทำ เช่น จงรักศัตรูของท่าน บทบัญญัติด้าน จริยธรรม ความชอบธรรม เรื่องครอบครัว การแก้แค้น ความโกรธ การคืนดี การล่วงประเวณี การปฎิบัติศาสนกิจ การทำทาน การอธิษฐาน การถืออดอาหาร และ การใช้ทรัพย์สมบัติ เงินทอง

“พระเยซู ทรงสนพระทัย ไม่เพียงแต่สิ่งที่เราทำภายนอกเท่านั้น แต่ทรงสนพระทัยใน ลักษณะชีวิตภายในของเราด้วย ฟาริสีใส่ใจแต่กับกฎเกณฑ์ มาตรฐานทางจริยธรรม เหมือนกับคริสเตียนในทุกวันนี้ แต่สิ่งสำคัญที่พวกเขาบกพร่องไป คือ ลักษณะชีวิตภายในที่ได้รับการเปลี่ยนแปลง จิตวิญญาณภายในที่ได้รับการบังเกิดใหม่ เป็นผู้ซึ่งต้อนรับ อาณาจักรพระเจ้าเหมือนอย่าง เด็กเล็กๆ”

ความจริงแล้ว พระเจ้าทรงสนพระทัยในสิ่งที่เราเป็น มากกว่า สิ่งที่เราทำ ซึ่งขัดแย้ง กับ ค่านิยม หรือ โลกทัศน์ ของโลกนี้ อาณาจักรทางโลก สนใจในสิ่งที่เราทำ มากกว่าสิ่งที่เราเป็น มากกว่า ลักษณะชีวิต ของเรา จริงมั้ยครับ ในที่ทำงานส่วนใหญ่ เวลาเขารับเราเข้าทำงาน เขาต้องการรู้ว่า เรามีความสามารถอย่างไร สามารถทำประโยชน์ ให้กับองค์กรได้มากเพียงไร รับเราเข้ามาแล้ว จะสามารถเพิ่มยอดขาย ได้มากขึ้นมั้ย ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นมั้ย หรือ สามารถช่วย องค์กร ลดต้นทุนได้เท่าไร

ถ้าเป็นนักเรียน นักศึกษา การสอบเข้าโรงเรียน และ มหาวิทยาลัยระดับประเทศ ก็ต้อง วัดที่ความรู้ ความสามารถ เด็กๆ ต้องไปกวดวิชา ติวหนังสืออย่างหนัก เตรียมตัวสอบ อ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ หลายครั้ง พ่อแม่ ก็ละเลยที่จะพัฒนา ทักษะชีวิต และ ใส่ใจใน ลักษณะชีวิตของลูกๆ

หลายต่อ หลายครั้ง คริสตจักร ก็รับเอาแนวคิดค่านิยมทางโลกเข้ามา แบบไม่รู้ตัว เรามักจะชอบ และ ต้องการ อาจารย์ ที่ทำงานเก่ง บริหารงานได้ดี เทศนาเก่งๆ บ่อยครั้งที่เราติดกับดักนี้ เราชอบ คนที่ Get Thing Done หมายถึง คนที่มั่นใจได้ว่าจะทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จแน่นอน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ที่ทำงานหลายแห่งชอบคนประเภทนี้ครับ แต่ เรากลับละเลย ลักษณะชีวิต หรือ Character ของผู้รับใช้พระเจ้า จึงไม่แปลกใจว่า ท้ายที่สุด ก็จะเกิดปัญหา นำมาซึ่งความแตกแยก ความขัดแย้ง ความสูญเสีย และ คริสตจักรก็ไปต่อไม่ได้ เพราะ เป็นคนที่ Get Thing Done บนความเดือดร้อนของคนรอบข้าง เพื่อนร่วมงาน เห็นแต่เพียงความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองรับผิดชอบ ผลประโยชน์ของตนเอง หรือ เฉพาะในกลุ่มของตนเองที่รับผิดชอบ ลักษณะชีวิตที่ ขาดความเมตตา หยิ่งทะนง ไม่เป็นคนที่ยากจนด้านจิตวิญญาณ ไม่มีใจถ่อมสุภาพ และ ไม่สร้างสันติ

แน่นอนครับ เราปฏิเสธไม่ได้ว่าทักษะความสามารถเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ลักษณะชีวิต ต้องมาก่อน ในงานรับใช้พระเจ้า

อย่าลืมนะครับ เราสามารถหา คน มาบริหาร ทำงานที่เราต้องการได้ ไม่ยากครับ แต่ ยากมากที่จะ หา ผู้รับใช้พระเจ้าที่ดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ ถ่อมใจ รักพระเจ้า รักพระคำ มีหัวใจผู้เลี้ยง และมีชีวิตแห่งการอธิษฐาน หายากมากครับ

ผมอยากให้พี่น้อง ได้มีส่วนให้การสนับสนุน ร่วมไม้ร่วมมือ คนละเล็กละน้อย ตามกำลัง ความสามารถที่มี เพื่อสนับสนุนผู้รับใช้ของเรา ช่วยเติมเต็มในทักษะบางอย่าง ที่ผู้รับใช้พระเจ้าของเราอาจจะขาด อาเมนมั้ยครับ

พระเจ้าทรงสนพระทัยในสิ่งที่เราเป็น มากกว่า สิ่งที่เราทำ

พระองค์ทรงสนพระทัยในลักษณะชีวิตของเรา หมายความว่า ก่อนที่เราจะทำสิ่งใดก็ตามเพื่อพระเจ้า จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงชีวิตในตัวเราก่อน เพราะว่า พระเจ้าทรงสนพระทัยในลักษณะชีวิตของเรา ก่อนที่เราจะทำอะไรให้กับพระองค์

ความสุขแท้ 8 ประการนี้ จึงเป็น ลักษณะชีวิต ใหม่ เป็นค่านิยมใหม่ ของ สาวก ผู้ที่ติดตามพระเยซู คริสต์ และ อยู่ในอาณาจักรสวรรค์ หรือ แผ่นดินของพระเจ้า ซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในองค์พระคริสต์ ผ่านทางพระคุณของพระเจ้า เพื่อที่เราจะได้รับ การเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ และรับค่านิยมใหม่ เป็นค่านิยมของอาณาจักรพระเจ้า

[Slide 7] John Stott กล่าวต่อไปอีก ในหนังสือของเค้าว่า

“คำเทศนาบนภูเขา ต้องอ่านและเข้าใจในบริบท ของการ บรรยาย ถึงสิ่งที่ผู้เชื่อ และชุมชนของผู้เชื่อเป็น เมื่อ พวกเขามาอยู่ภายใต้การปกครองของพระเจ้าผู้ทรงพระคุณ”

ดังนั้น ถ้าเราเริ่มต้นอย่างไม่เข้าใจ เราจะหลงทาง ว่าแท้จริงแล้ว ความสุขแท้ 8 ประการ ต้องเริ่มต้นในชีวิตของผู้เชื่อก่อน ในชีวิตของผู้ที่เป็นสาวก ติดตามพระคริสต์ ไม่ใช่ สำหรับใครก็ได้ ต้องเริ่มต้น จากผู้เชื่อ ที่ได้รับความรอดแล้ว ความรอด ต้องมาก่อน สิ่งอื่นใด เพราะมีแต่ผู้เชื่อเท่านั้น ที่เป็นประชากรในอาณาจักรของพระเจ้า ในแผ่นดินสวรรค์ โดยผ่านทางพระคุณของพระเจ้า

[Slide 8] คำที่เป็น กุญแจหลัก ใน พระคำตอนนี้ คือ “ก็เป็นสุข” หรือ ผู้ที่เป็นสุข คำนี้ มาจากภาษากรีก คือ μακάριος (Makarios) แปลตรงตัว ว่า ความสุข ให้เราลองฝึกพูด ภาษากรีก ด้วยกันนะครับ ภาษากรีก สัปดาห์ละคำ Makarios Makarios ลองออกเสียงด้วยกันสิครับ Makarios เก่งมากครับ

Makarios ใช้ในบริบท ของ การที่เรา แสดงความยินดี กับ บุคคลที่ได้รับโชคลาภ ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต ประมาณเป็นภาษาพูดว่า คนๆนั้นมีความสุขมากๆ เพราะว่าเค้าโคตรโชคดีเลย เฮงมากๆ ถูกล็อตเตอรี่ รางวัลที่หนึ่ง หรือ แสดงความยินดีและดีใจกับคุณแม่ คุณแม่ที่มีความสุขมากๆ เพราะมีลูกสาวที่น่ารัก เป็นต้น

[Slide 9] Makarios เป็นคำที่แปลมาจาก ภาษาฮิบูร ในพระคัมภีร์เดิมว่า אַשְׁרֵי (ʾašrê) มีความหมายเป็นภาษาอังกฤษว่า blessed หรือ happy ซึ่งพระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า ผู้เป็นสุข

สำหรับ คำว่า ʾašrê ภาษาฮิบรู มีความหมายถึง ความสุข เป็นความสุขของผู้ที่รับพระพร และใช้ในบริบท ที่เป็น ความสุขของผู้ชอบธรรม ไม่ใช่ความสุขแบบฉาบฉวย ของคนอธรรม ซึ่งดูเหมือนจะมีความสุข ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เนื่องจากใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้อง

ʾašrê เป็นความสุขแท้ ที่ส่งผลในระยะยาว ของผู้ชอบธรรม ผู้มีปัญญา ผู้ได้รับความโปรดปรานเป็นพิเศษ

ความสุขแท้นี้ จึงเป็นความสุขแท้ ที่นิยามและ สอนโดยพระเยซู คริสต์ เป็น ความสุขแท้ ที่ส่งผลในระยะยาว ของผู้เชื่อ ไม่ใช่ ความสุขชั่วครั้ง ชั่วคราว ฉาบฉวย ที่คนในโลกนี้แสวงหา เป็นความสุขแท้ ความสุขที่ยั่งยืน เป็น ความสุขนิรันดร์ในอาณาจักรพระเจ้า แผ่นดินสวรรค์

ความสุขแท้ นี้ จึงไม่ใช่ ความสุขอย่างโลกียวิสัย ที่สามารถ ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนได้ ด้วยทรัพย์สิน เงินทอง ความสุขชั่วครั้งชั่วคราว ที่ไม่สามารถเติมเต็ม หุบเหว ลึก ภายในจิตใจมนุษย์ได้

[Slide 10] ความสุขแท้ตามพระคัมภีร์ เป็น ของประทาน จากพระเจ้า เป็น ของขวัญจากพระเจ้า

เรารับ ลักษณะชีวิตฝ่ายวิญญาณใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งแห่ง ความสุขแท้นี้ โดยผ่านทาง พระคุณพระเจ้า ที่สำเร็จแล้วในองค์พระคริสต์ ผู้ทรงเป็นกษัตริย์ ในแผ่นดินสวรรค์ และเป็นกษัตริย์ เป็นจอมเจ้านายในชีวิตของเรา เพราะว่าเราต่างเป็นประชากรในอาณาจักรของพระองค์

พระเยซู ประกาศ ถึง Makarios พระองค์กำลัง ป่าวประกาศถึง ความสุขแท้นิรันดร์ ที่มากกว่า ความสุขที่ได้จากทางวัตถุ สิ่งของ ที่โลกนี้แสวงหา

ความสุขแท้นี้ เกิดจาก ทัศนคติใหม่ โลกทัศน์ใหม่ การมองโลกใหม่ ของผู้เชื่อ ผู้ที่เป็นสาวก ของพระเยซู ที่มาแทนที่ ทัศนคติเดิม โลกทัศน์เดิม และ วิธีการมองโลกแบบเดิม

ความสุขแท้นี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าปราศจาก อาณาจักรพระเจ้า เพราะ สองสิ่งนี้ มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันโดยตรง

อย่าเป็นคริสเตียน โดยยังคงรักษา ทัศนคติแบบเดิม โลกทัศน์เดิม และ วิธีการมองโลกแบบเดิมๆ เพราะว่า เราจะเป็นคริสเตียนที่มีแต่ ความทุกข์ ขาดความสุขแท้ และสันติสุขในจิตใจ

พระเยซู ทรงทราบว่า เราไม่สามารถเป็นคริสเตียน เป็นสาวกได้ ถ้าเรา ไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลง ทัศนคติ โลกทัศน์ ค่านิยม ใหม่ เพราะ เราได้เข้ามาเป็นประชากร ในอาณาจักรของพระองค์ ในแผ่นดินพระเจ้า เราจำเป็นต้องได้รับ ค่านิยมของอาณาจักรพระเจ้า ซึ่ง ขัดแย้ง หรือ Disrupt กับ ค่านิยมเดิม ของ อาณาจักรทางโลก

[Slide 11] อาณาจักรทางโลก บอกว่า คนที่ร่ำรวย มั่งคั่งก็เป็นสุข เพราะว่า แผ่นดินโลกนี้เป็นของเขาทั้งหลาย

แต่ พระเยซู สอนว่า คนที่ยากจนด้านจิตวิญญาณก็เป็นสุข เพราะว่า แผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย

ความสุขแท้ ประการแรก ความยากจนด้านจิตวิญญาณ เป็นสภาวะฝ่ายจิตวิญญาณ ที่เราตระหนักว่า เราไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ แต่จิตวิญญาณเราต้องการ พระเจ้า และ พระคุณพระเจ้า

สดุดี 34:7 กษัตริย์ดาวิดอธิษฐานว่า “คนยากจนคนนี้ร้องทูล และพระยาห์เวห์ทรงฟัง และทรงช่วยเขาให้พ้นจากความยากลำบากทั้งสิ้น”

สดุดี 40:17 “ฝ่ายข้าพระองค์ยากจนและขัดสน ขอองค์เจ้านายเอาพระทัยใส่ข้าพระองค์ พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์และผู้ช่วยกู้ของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขออย่าทรงรอช้า”

เรารู้ว่า กษัตริย์ ดาวิด ไม่ได้ยากจนและขัดสน แต่สดุดี บทนี้ กษัตริย์ ดาวิด กำลัง บรรยาย ถึงสภาพฝ่ายจิตวิญญาณของพระองค์ ที่ยากจนและขัดสน กษัตริย์ ดาวิด รู้ว่า พระองค์ ต้องการพระเจ้าในชีวิตของพระองค์ พระเจ้าที่พระองค์ทรงพึ่งพา แต่เพียงผู้เดียว พระองค์ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ เมื่อไรก็ตามที่เราตระหนัก ถึงสภาวะความยากจน และขัดสน ด้านจิตวิญญาณนี้ เราจึงเข้ามาในแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้าได้ โดยพระคุณพระเจ้าเท่านั้น ไม่ใช่ ความดี ไม่ใช่ การทำดี การทำดี เป็นสิ่งที่มาทีหลัง เพื่อที่เราจะเป็นประชากรที่สะท้อน อาณาจักรพระเจ้า เป็นเกลือและแสงสว่างของโลกนี้

หัวใจของข่าวประเสริฐ คือ พระคุณพระเจ้า เรารับความรอด เข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้าได้ ผ่านการตระหนักว่า แท้จริงแล้ว จิตวิญญาณเราต้องการพระองค์ เราเป็นคนบาป ที่ไม่สามารถพึ่งพาความดีของเราได้ แต่เราพึ่งพา พระคุณพระเจ้า ผ่านทางพระเยซู คริสต์

ความยากจน ทำให้เราตระหนักว่า เราพึ่งพาตนเองไม่ได้ คนยากจน มักจะเป็นภาระกับผู้อื่น ไม่ค่อยมีใครอยากจะเป็นเพื่อนกับคนยากจน ครับ

ความยากจน เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ในสายตาของคนบางคน และก็เป็นสิ่งที่น่าเห็นใจ ที่บ่อยครั้ง คนยากจน จะเป็นกลุ่มคนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบมากที่สุด ในสังคม เพราะพวกเขา ไม่มีสิทธิ์มีเสียง ไม่มีใครฟังเสียงของคนยากจน

คนที่เคยจน มาก่อน จะกลัวกับการที่จะต้องกลับไปจนอีก ความกลัว ความยากจน กลายเป็นแรงขับเคลื่อน ในชีวิตคน ให้แสวงหา เงินทอง และอำนาจ เพราะว่ามี เพียงสองสิ่งนี้ เท่านั้น ที่จะทำให้ เราพ้นจากความยากจน

ยิ่งเรากลัว ความยากจน เรายิ่งสะสม สะสม และ สะสม เพื่อให้มั่นใจว่า เราสามารถพึ่งพาตนเองได้ คนรวย จึงหมายถึง คนที่รู้ว่า เขาสามารถพึ่งพาตนเองได้

แล้ว คริสเตียน ควรจะมีมุมมองต่อความยากจนอย่างไร ?

ในพันธสัญญาเดิม หลายครั้ง พระคัมภีร์ เปรียบ คนยากจนว่า เป็น คนชอบธรรม เพราะว่า เขาเลือกที่จะไม่ขูดรีด หากำไรเกินควร หรือทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพียงเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ คนชอบธรรม หลายครั้งจึงสูญเสียโอกาสในการทำเงิน และผลกำไรมหาศาล เพราะเขาเลือก ความชอบธรรม มาก่อน ผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ

วันนี้ ถ้าท่านเป็นนักธุรกิจ ท่านอาจจะต้องเลือกที่จะไม่ จ่ายเงินใต้โต๊ะ Corruption เพื่อแลกมาซึ่งผลตอบแทนในการประมูลงานของท่าน ท่านเลือกที่จะเป็นคนยากจน ในแผ่นดินโลก เพื่อเป็นผู้ชอบธรรม ในแผ่นดินของพระเจ้า

แล้วสำหรับ คนของพระเจ้า เราควรที่จะตอบสนองต่อ ความยากจนอย่างไรครับ

เราไม่เผชิญหน้ากับ ความยากจน ด้วย “ความกลัว” แต่เรา เผชิญหน้ากับ ความยากจนด้วย “ความเชื่อ” เพราะถ้าเราเผชิญหน้ากับ ความยากจนด้วยความกลัว ยิ่งกลัว เรายิ่งสะสม สะสม สะสม เราไม่กล้า ให้ออกไป เพราะเรากลัวว่าเราจะมีไม่พอ

ยิ่งกลัว เรายิ่ง ตะเกียกตะกาย ยิ่งกลัว เรายิ่ง พึ่งพาทรัพย์สินเงินทอง ทรัพย์สินเงินทองกลายเป็นรูปเคารพแทนพระเจ้า ไปในที่สุด เพราะเราวางใจในทรัพย์สินเงินทองมากกว่าพระเจ้า ผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริง

แต่เราเผชิญหน้ากับ ความยากจน ด้วย “ความเชื่อ” ความเชื่อที่ถูกต้อง ความเชื่อว่า พระเจ้าจะเลี้ยงดูเรา เราและครอบครัวของเรา จะมีอย่างเพียงพอ และบางครั้งก็เกินพอด้วยซ้ำ

สำหรับ คนที่กำลังหางานทำอยู่ ตกงานอยู่ อธิษฐานของานจากพระเจ้าครับ และลงมือทำ ไปสัมภาษณ์งานด้วยความเชื่อ พระเจ้าจะทรงประทานและจัดเตรียมงานที่เหมาะสม ให้กับเรา พระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งเรา

สำหรับ คนที่มี ก็ต้องตระหนักว่า ทุกสิ่งที่เรามี ล้วนมาจากพระเจ้า และเป็นของพระองค์ ทรัพย์สินที่เราเป็นเจ้าของในวันนี้ วันหนึ่ง จะไม่ใช่ของเราอีกต่อไป เมื่อเราจากโลกนี้ไป ทุกอย่างที่เรามี จะเป็นของคนอื่นทั้งสิ้น แท้จริงแล้ว เราเป็นเพียง ผู้อารักขา ทรัพย์สิน เงินทองที่พระเจ้าทรงมอบให้กับเรา เราจึงมีหน้าที่ต้องรู้ว่า พระเจ้ามอบทรัพย์สินเหล่านี้ให้กับเราด้วยวัตถุประสงค์ใด ทำให้ถูกต้อง จัดระบบ ระเบียบ การใช้ทรัพย์สิน เงินทองที่เรามีตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งหมายถึงการ ให้ออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การช่วยเหลือ คนยากจน และพี่น้องที่ตกทุกข์ได้ยาก แต่แน่นอน ผมไม่ได้หมายถึง การให้ อย่างไม่รับผิดชอบ เพราะให้เท่าไหร่ ก็ไม่เคยพอ เราต้อง ให้ อย่างรับผิดชอบ เพราะทุกสิ่งเป็นของพระองค์ เราต้องเป็นผู้อารักขาที่รับผิดชอบ ด้วยเช่นกัน

เราเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันในชุมชนแห่งความเชื่อ คือ เราให้และแบ่งปันซึ่งกันและกัน เพราะเราต่างต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เป็นพระพรร่วมกันในชุมชน

[Slide 12] ประการที่สอง

ความสุขแท้ เป็นของ ผู้ที่โศกเศร้า

เรามักจะโศกเศร้า เมื่อเราพบกับความสูญเสีย โดยเฉพาะเมื่อเราต้องสูญเสีย คนที่เรารัก

[Slide 13] ใน ยอห์น 11:35 “พระเยซูทรงกันแสง” พระเยซู ร้องไห้ ในเหตุการณ์ การสูญเสีย ของ ลาซารัส ก่อนเวลาอันสมควร

ทำไม พระเยซู ต้องร้องไห้ ก็ในเมื่อ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า และทรงมีฤทธิ์อำนาจ ที่จะทำให้ลาซารัส ฟื้นคืนชีพได้ในเวลาต่อมา

พระองค์ โศกเศร้า และ ร้องไห้ ร่วมกับ ญาติ พี่น้อง ของ ลาซารัส, ร่วมกับมารีย์ และ มาธาร์ ในความสูญเสีย ของเขาเหล่านั้น เพราะพระเยซูทรงรัก คนเหล่านั้น

ในการสูญเสียคนที่เรารัก พระเยซูทรงกันแสง ร่วมกับเรา พระองค์ทรงร่วมรับรู้ในความเจ็บปวด ร่วมกับเรา พระเจ้าร้องไห้ร่วมกับเรา เพราะพระเยซู รักเรา ดังนั้น เราก็ โศกเศร้าเสียใจ และร้องไห้ร่วมกับ พี่น้องของเราที่ต้องสูญเสียคนที่เขารักด้วยเช่นกันครับ

คนที่โศกเศร้า ก็เป็นสุข เพระว่า เขา โศกเศร้า ในสิ่งที่ ทำให้ พระเจ้า เสียพระทัยครับ คือ โศกเศร้า ในความบาปของมนุษย์และของเรา

เราต้อง โศกเศร้า สำหรับ คนยากจน ที่ถูกเอาเปรียบ เราต้องโศกเศร้า สำหรับ คนยากจน คนที่เจ็บป่วย ญาติๆ ของเขาที่มาพักที่บ้านชาเล็ม

เราต้อง โศกเศร้า ในความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมของเรา เพราะ สิ่งนี้ ทำให้พระเจ้า เสียพระทัย

เราร่วมโศกเศร้ากับพ่อแม่ และญาติๆของเด็กสองขวบ และผู้เสียชีวิต ที่ถูกยิงอย่างโหดเหี้ยมในการปล้นร้านทอง ที่ลพบุรี

เราโศกเศร้า ในความบาป ในกรรมชั่ว ของมนุษย์ และรวมถึง ความบาปของเราเองด้วย

พระเยซูสัญญาว่า ผู้ที่โศกเศร้ากับความบาปในชีวิตของเขา จะได้รับการปลอบประโลมและ การหนุนใจ คือ การยกโทษบาปจากพระเจ้า

[Slide 14] สดุดี 51:17 “เครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงปรารถนาคือ จิตใจที่แตกสลาย ใจที่แตกสลายและสำนึกผิดนั้น ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะไม่ทรงดูถูก”

ใน คำสารภาพบาป ในหนังสือภาวนาแองลิกัน ที่เราพึ่งกล่าวร่วมกัน “ข้าพระองค์ทั้งหลาย เสียใจ และสำนึกผิดต่อบาปทั้งสิ้นของข้าพระองค์ทั้งหลาย ...”

เมื่อเราสารภาพบาปด้วย ความเสียใจ โศกเศร้า ต่อบาปของเรา เราหันมาหาพระเจ้าใน ความโศกเศร้าต่อบาปของเรา เพื่อรับการให้อภัย ที่พบในพระเยซู คริสต์ ความสุขแท้เป็นของ ผู้ที่โศกเศร้า เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับการหนุนใจ

[Slide 15] ประการที่ สาม

ความสุขแท้ เป็นของผู้ที่สุภาพอ่อนโยน

ในขณะที่ อาณาจักรทางโลก บอกว่า คนที่ Aggressive ก็เป็นสุข เพราะว่า เขาทั้งหลายจะได้รับสิ่งที่เขาต้องการ

แต่ พระเยซู สอนว่า คนที่สุภาพ อ่อนโยน ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก

คำว่า สุภาพอ่อนโยน ภาษากรีกว่า πραΰς (Pra-us) มีความหมายในแง่ลบ หมายถึง ผู้ที่ไม่เห็นคุณค่าของตนเอง เป็นผู้แพ้ loser แต่พระเยซู ทรงใช้คำนี้เพื่อบรรยายถึง ลักษณะชีวิตใหม่ของผู้เชื่อ ที่ตรงกันข้ามกับค่านิยมของอาณาจักรโลกนี้ ให้มีความหมายใหม่ หมายถึง ความถ่อมใจ คิดถึงความต้องการของผู้อื่นก่อน สุภาพ และ อ่อนโยน

ผู้ที่ถ่อมใจ คือ ผู้ที่เห็นตัวตนที่แท้จริงของตนเอง เข้าใจในความยากจนด้านจิตวิญญาณ พระคุณ และพระเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อเขา เขาจึงเป็นคนที่ อ่อนโยน ถ่อมสุภาพ และมีความอดทน อดกลั่นต่อผู้อื่นได้

[Slide 16]

สดุดี 37:11 “แต่คนที่ถ่อมใจจะได้แผ่นดินเป็นมรดก และจะปีติยินดีในความสมบูรณ์พูนสุข”

ผู้ที่ถ่อมใจ คือ ผู้ที่ไม่ได้คิดถึงความต้องการของตนเอง เอาตนเองเป็นศูนย์กลาง แต่คือคนที่คิดถึงความต้องการของผู้อื่นก่อน คือการที่เขาคิดถึงความต้องการของชุมชนที่เขาอยู่ด้วย

ดังนั้น เราจึงคิดถึงความต้องการของสมาชิกที่อยู่ใน Cell Group ของเราก่อน เราจึงสุภาพ อ่อนโยนกับสมาชิกในคริสตจักร เราจึงไม่คิดถึงแต่ความต้องการของตนเอง แต่คิดถึงความต้องการของสมาชิกคนอื่นๆในทีมนมัสการของเรา

รวมถึง สมาชิกในครอบครัวของเราด้วย

ความสุขแท้ เป็นของผู้ที่ มีใจถ่อม สุภาพอ่อนโยน เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก

[Slide 17] ประการที่สี่

ความสุขแท้ เป็นของ ผู้ที่หิวกระหาย ความชอบธรรม

บ่ายวันนี้ เรากำลัง หิวกระหายอะไรครับ? อะไรที่สามารถตอบสนอง ความหิวกระหายนั้นได้ ?

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เรามีความปราถนา หิวกระหายสิ่งใดมากที่สุด ที่เราแทบจะรอไม่ได้เลย ?

ตอนนี้ เวลานี้ เรากำลัง อยากได้ กระเสือกกระสน ตะเกียกตะกาย หาสิ่งใดอยู่ สิ่งที่สามารถทำให้เรามีความพึงพอใจมากที่สุด ?

ไม่ว่าเราจะมีความปรารถนาสิ่งใด หรือหิวกระหายสิ่งใด พระเยซู กำลังให้เราเข้ามาสำรวจตัวเองว่า เราควรจะหิวกระหาย พระเจ้า ผู้ทรงเป็นความชอบธรรมของเรา หิวกระหาย ความยุติธรรม ให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงในสังคม

[Slide 18] สดุดี 42:1-2 “กวางกระเสือกกระสน หาธารน้ำฉันใด ข้าแต่พระเจ้า จิตใจข้าพระองค์ก็กระเสือกกระสนหาพระองค์ฉันนั้น

จิตใจข้าพระองค์กระหายหาพระเจ้า หาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์...”

ให้ความชอบธรรม ในองค์พระเยซู คริสต์ เป็นสิ่งที่ตอบสนอง ความหิวกระหายของเรา เพื่อที่เราจะพบกับความสุขที่แท้จริง

[Slide 19] ประการที่ห้า

ความสุขแท้ เป็นของ ผู้ที่มีใจเมตตา

ผู้ที่มีใจเมตตา คือ ผู้ที่มีใจเมตตา ต่อ ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก คนยากจน คนที่กำลังเดือดร้อน เพราะว่า เขาจะได้รับความเมตตา ตอบจากพระเจ้า

ความสุขแท้เป็นของ ผู้ที่มีใจเมตตา เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับพระเมตตาตอบ

[Slide 20] ประการที่หก

ความสุขแท้ เป็นของ ผู้ที่ใจบริสุทธิ์

จิตใจเป็นส่วนที่สำคัญของมนุษย์ เป็นเหมือนกับศูนย์ควบคุม บัญชาการ ในการกระทำ คำพูด ความปรารถนา ของเรา

ผู้ที่มีใจบริสุทธิ์ คือ คนที่ จริงใจในความสัมพันธ์กับพระเจ้า และกับผู้อื่น ปราศจากความหลอกล่อใดๆ

ผู้ที่มีใจบริสุทธิ์ คือ คนที่มีชีวิตที่โปร่งใส บริสุทธิ์ ทั้งต่อหน้า และ ลับหลัง

มีความคิด และแรงจูงใจที่บริสุทธิ์ ไม่เป็นคนที่หน้าซื่อใจคด และ หลอกลวง

มีชีวิตที่บริสุทธิ์ ทั้งตอน อยู่ที่บ้าน อยู่ที่ทำงาน และเวลามาที่คริสตจักร

ไม่มีชีวิตแบบคนสองด้าน สองบุคลิก แต่มีใจบริสุทธิ์ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

วันอาทิตย์ เรามาคริสตจักร เราเป็นคนอย่างไร น่ารัก พูดจาดี อดทน จิตใจดี

เวลา เรากลับไปที่บ้าน ที่ทำงาน ที่โรงเรียน เราก็ปฎิบัติต่อคนที่บ้าน ที่ทำงาน ที่โรงเรียน เหมือนกับที่เรามาคริสตจักร

ไม่เป็นคนหน้าซื่อใจคด และหลอกลวง ดำเนินชีวิตแบบสองด้าน

“ความสุขแท้เป็นของ ผู้ที่ใจบริสุทธิ์ เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้เห็นพระเจ้า”

[Slide 21] ประการที่เจ็ด

ความสุขแท้ เป็นของ ผู้ที่สร้างสันติ

ข่าวประเสริฐของพระเยซู คริสต์ คือ ข่าวดี แห่งการคืนดี ผู้ที่สร้างสันติที่แท้จริง คือ พระเยซู คริสต์ พระบุตรของพระเจ้า

ดังนั้น ผู้ใดก็ตาม ที่มีบทบาท ในการสร้างสันติ นำการคืนดี พร้อมที่จะคืนดีและให้อภัย ก็ได้ชื่อว่า เป็น ลูกของพระเจ้า เพราะเป็นเหมือนกับพระเยซู ที่ทรงนำการคืนดีมาให้ เริ่มต้นที่การคืนดีกับพระเจ้า และ กับ สิ่งทรงสร้าง รวมถึง มนุษย์ด้วยกันเอง

ความสุขแท้ เป็นของ ผู้ที่สร้างสันติ เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาทั้งหลายว่าเป็นลูก

[Slide 22] ประการสุดท้าย ประการที่แปด

ความสุขแท้ เป็นของ ผู้ที่ถูกข่มเหง เพราะเหตุแห่ง ความชอบธรรม

พระเยซู คริสต์ ได้ขยายความ ต่อ ในข้อที่ 11 และ 12 “เมื่อพวกเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายต่างๆ เป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข จงชื่นชมยินดี เพราะว่าบำเหน็จของพวกท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ เพราะพวกเขาข่มเหงบรรดาผู้เผยพระวจนะที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน”

ผู้เชื่อในยุคแรก ต้องเผชิญกับการข่มเหง และเสียสละชีวิต เพราะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ

ในอาณาจักรโรมัน การไม่บูชาเทพเจ้า ถือว่าเป็นความผิดทางกฎหมาย เพราะว่า คนเหล่านี้ ทำให้เทพเจ้าโกรธ และอาจจะลงโทษบ้านเมือง ให้เกิด ภัยพิบัติต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว ความแห้งแร้ง การกันดารอาหาร และภัยสงคราม

แน่นอนว่า ไม่มีใครชอบการถูกข่มเหง และไม่มีใครพร้อม ที่จะรับการข่มเหง หรือเรียกร้องให้เกิดการข่มเหง แต่เมื่อการข่มเหงมาถึง เรารู้ว่า พระเจ้าจะทรงประทาน พระคุณ ที่มีอย่างเพียงพอ ที่พร้อมจะรับ การข่มเหงนั้นได้ เราจึงไม่ได้รับการข่มเหง ความทุกข์ยากลำบาก การติเตียน นินทาว่าร้าย ด้วยกำลังของเราเอง แต่ด้วย พระคุณของพระเจ้า ที่จะมีเพียงพอ เมื่อเราต้องเผชิญ ความทุกข์ยากลำบาก จากการข่มเหง เพราะเหตุแห่ง ความรัก ความชอบธรรม และ การจงรักภักดี ต่อ พระเยซู คริสต์

สรุป

[Slide 23]

โทมัส อไครนัส นักบวช นักปรัชญาศาสนา และ นักศาสนศาตร์ คนสำคัญ ของคริสตจักรโรมัน คาทอลิก มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 13 ได้สรุป หลักคิด ทางด้าน ศาสนศาสตร์ ที่สำคัญ ไว้ในหนังสือ ที่เขียนเป็นภาษาละตินและ มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษ ชื่อว่า Summa Theologiae

โทมัส อไครนัส กล่าวเกี่ยวกับ ความสุขของมนุษย์ 8 ประการ เปรียบเทียบกับ ความสุขแท้ 8 ประการที่พระเยซู คริสต์ทรงสอน ว่า

มนุษย์ แสวงหาความสุข จาก 8 สิ่ง คือ (1) ความมั่งคั่ง ร่ำรวย (2) เกียรติและการยอมรับ (3) ชื่อเสียงและความรุ่งเรือง (4) อำนาจ (5) สุขภาพที่ดี มีร่างกายแข็งแรง (6) ความสนุกสนาน และ ความพึงพอใจ (7) สุขภาพจิตที่ดี และ (8) การทำความดี มีความสุขเพราะได้ทำความดี

และ ความสุข ทั้ง 8 ประการ นี้ ไม่สามารถ ตอบสนอง หุบเหว ในจิตใจของมนุษย์ได้

[Slide 24]

โทมัส อไครนัส บอกว่า พระคริสต์ คือ แบบอย่างของมนุษย์ ที่มีความสุขที่แท้จริง

ความสุขแท้ 8 ประการ ต้องมีพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง โดยให้เราเพ่งมองไปที่ไม้กางเขน

ที่ไม้กางเขน พระเยซู พระบุตรของพระเจ้า ทรงเสด็จมาบังเกิด รับสภาพมนุษย์ ประสูติที่รางหญ้า พระเยซู คริสต์ผู้ทรงคุ้นเคยกับความยากจน อาจารย์เปาโลบอกว่า “แม้พระองค์ทรงมั่งคั่ง ก็ยังทรงยอมเป็นคนยากจนเพราะเห็นแก่เรา เพื่อที่เราจะได้เป็นคนมั่งคั่ง” (2 คร 8:9)

ที่ไม้กางเขน พระองค์ทรงยอมรับ ความอับอาย สิ้นพระชนม์อย่างไร้เกียรติเยี่ยงโจรที่ชั่วช้า ยอมรับความอยุติธรรม เพื่อที่เราจะได้รับ เกียรติ และความชอบธรรมในแผ่นดินของพระเจ้า

ที่ไม้กางเขน พระองค์ทรงรับ การข่มเหงจนถึงความมรณา แบกรับเอา ความทุกข์ทรมาน ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ เพื่อที่จะชำระ ความผิดบาปของเรา ให้เราได้รับชีวิตใหม่ที่ครบบริบูรณ์

ที่ไม้กางเขน พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างสันติ นำเราให้กลับคืนดีกับพระเจ้า ให้เรามี สันติสุข Shalom ที่แท้จริง

ความสุขแท้ 8 ประการ ที่พระเยซู คริสต์ ทรงสอน เหล่าสาวก ของพระองค์ นั้น แท้จริง ได้สำเร็จแล้ว ที่ไม้กางเขน ในพระคริสต์

หน้าที่ของเราคือ รับเอา ความสุขแท้ 8 ประการนี้ ด้วยพระคุณพระเจ้า ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงทำงานผ่านชีวิตของเรา เพื่อรับ เอา ลักษณะชีวิตฝ่ายวิญญาณนี้ โดยมีพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง ร่วมกัน ให้เราร่วมใจกันอธิษฐานครับ

Related Media
See more
Related Sermons
See more