ดำเนินชีวิตในความสว่างของคริสตจักร

Ephesians  •  Sermon  •  Submitted   •  53:50
0 ratings
· 87 views
Files
Notes
Transcript
Sermon Tone Analysis
A
D
F
J
S
Emotion
A
C
T
Language
O
C
E
A
E
Social
View more →
“ดำเนินชีวิตในความสว่างของคริสตจักร”
คริสตจักรไคร้สตเชิช กรุงเทพ / แองลิกัน ลาดกระบัง
วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2022
เอเฟซัส 5: 6-20
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Word Count 4,495 ; Time 40 minutes (110 คำต่อนาที)
[Slide# 1]
พระเจ้าสถิตกับท่าน [และสถิตกับท่านด้วย]
ก่อนที่เราจะรับพระคำพระเจ้าในเช้าวันนี้ ให้เราร่วมใจกันอธิษฐานครับ พึ่งพาพระเจ้าร่วมกันครับ
“พระเจ้าผู้ทรงพระคุณ โปรดประทานหัวใจที่ถ่อม ยินดีรับการสอน และใจที่เชื่อฟัง ในขณะที่ลูกรับการเปิดเผยและสำแดงจากพระคำของพระองค์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอทรงประทานกำลังที่ลูกจะสามารถกระทำตามสิ่งที่พระองค์ทรงเปิดเผยและสำแดง ให้เป็นจริงในชีวิตของลูก ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”
ขอทบทวน เพื่อจะต่อคำเทศนาในเช้าวันนี้ครับ
[Slide# 2]
ครั้งที่แล้ว คำเทศนาของอาจารย์อภิชาต พูดถึง ชีวิตใหม่ในพระคริสต์ บทที่ 4 ข้อ 22-24
“22คือได้รับการสอนให้ทิ้งตัวเก่าของพวกท่านที่คู่กับการประพฤติแบบเดิม ซึ่งถูกตัณหาล่อลวงทำให้พินาศไป 23และให้วิญญาณและจิตใจของพวกท่านได้รับการเปลี่ยนใหม่ 24และรับการสอนให้สวมสภาพใหม่ซึ่งได้รับการสร้างขึ้นตามแบบของพระเจ้าในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง”
อาจารย์เปาโล ได้พูดถึง ลักษณะการดำเนินชีวิตใหม่ตามแบบพระเจ้า มีสามขั้นตอนด้วยกัน คือ การทิ้งตัวเก่า ในข้อ 22 สวมสภาพใหม่ ในข้อ 24 และ รับการเปลี่ยนใหม่ กระบวนการชำระให้บริสุทธิ์ ในข้อ 23
ครั้งที่แล้ว อาจารย์อภิชาตอธิบายเพิ่มเติมครับ ว่า ทั้งการทิ้งตัวเก่า หมายถึง ทิ้งค่านิยมของโลก ทิ้งนิสัยบาป ทิ้งการเสพติด และ การสวมสภาพใหม่ เหมือนการสวมเสื้อผ้าใหม่ที่สะอาด บริสุทธิ์ สัญลักษณ์ชุดขาวนี้ เป็น การตัดสินใจ เกิดจากความตั้งใจ ครับ เราต้องตัดสินใจ เปลี่ยนแปลงความคิด ค่านิยม ใหม่ ทิ้งแบบโลกนี้ สวมรับสภาพใหม่ ในพระคริสต์
และ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า สิ่งใดต้องทิ้ง สิ่งใดต้องสวมใหม่ พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในเรา จะเป็นผู้ที่เปิดเผย สำแดง ให้เราได้เห็นครับ เพราะเราอยู่ในกระบวนการชำระให้บริสุทธิ์
อาจารย์เปาโลยกตัวอย่าง สิ่งที่ต้องทิ้ง และ สวมสภาพใหม่ ในตอนท้าย บทที่ 4 ข้อ 25 – 32 พี่น้องลองกลับไปอ่านดูนะครับ ไม่ว่าจะเป็น ละทิ้งความเท็จ คำพูดเลวร้าย การขโมย ความขมขื่น ความฉุนเฉียว ความโกรธ การทุ่มเถียง การพูดจาดูหมิ่น การร้ายทุกอย่าง และให้สวมสภาพใหม่ ครับ ใจกรุณา ใจสงสาร ใจให้อภัยแก่กันและกัน เหมือนอย่างที่พระเจ้าให้อภัยเราในพระคริสต์
ในบทที่ 5 ตอนต้น อาจารย์เปาโล ได้บอกเราครับ ชีวิตใหม่ สภาพใหม่นี้คือ เราเป็นลูกที่รักของพระเจ้า ดังนั้น สภาพใหม่นี้ คือ ให้เราเลียนแบบคุณพ่อของเรา พระบิดาผู้ทรงสถิตในสวรรค์
อาจารย์เปาโล ก็ได้บรรยายต่อครับ สภาพเก่า ที่เราต้องทิ้ง ตัวเก่า ในข้อที่ 3 การล่วงประเวณี การโสโครก การละโมบ คำพูดลามก พูดเล่นไม่เป็นเรื่อง พูดหยาบโลน ให้พูดขอบคุณพระเจ้าดีกว่า
พี่น้องที่รักครับ สังคมโรมันในเวลานั้น ก็คล้ายๆกับสังคมเราในยุคนี้ ครับ การล่วงประเวณี การมีเพศสัมพันธ์ นอกชีวิตสมรส เป็นสิ่งที่ปกติ ใครๆก็ทำกัน การกราบไหว้รูปเคารพ มนต์ดำ ไสยศาสตร์ คาถาอาคม ของขลัง การดูดวง ถือฤกษ์ถือยาม หรือที่พระคัมภีร์เรียกว่า การโสโครก / การล่วงประเวณีก็เป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่อย่างเป็นเรื่องปกติ รวมทั้ง ความละโมบ เราอยู่ในยุควัตถุนิยม ทุนนิยมแบบสุดโต่ง ยุคที่เราทุกคนต้องการร่ำรวย ความร่ำรวยไม่ผิดโดยตัวมันเอง แต่การรักความร่ำรวย มากกว่าพระเจ้า เป็นความละโมบ จนหลายคน ติดหวย ต้องเล่นทุกงวด บางคนหนักกว่านั้น ติดการพนัน บ่อนพนันออนไลน์ อบายมุข อาจารย์เปาโลย้ำว่า คนเหล่านี้ ที่ปฎิเสธพระเจ้า จะไม่มีมรดกในแผ่นดินของพระคริสต์และพระเจ้า ในข้อที่ 5
คำพยาน: ยกตัวอย่างน้องป๋อง ที่ทิ้งการฟังเพลงแรฟที่มีคำพูดที่รุนแรง และหยาบคาย น้องป๋องทิ้งไม่ฟังเพลงรุนแรงเหล่านี้ได้กี่เดือนแล้วนะครับ
คำถามที่สำคัญ ในเช้าวันนี้ คือ วันนี้ มีอะไรที่เรา ต้องทิ้งมั้ยครับ ขอพระวิญญาณเปิดเผยสำแดง พูดกับเราแต่ละคน อย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อที่เราจะดำเนินชีวิตให้สมกับการเป็นลูกของพระเจ้า อาเมนนะครับ
พระคัมภีร์ในเช้าวันนี้ ตอนต่อมาครับ อาจารย์เปาโล ให้ภาพ ชีวิตใหม่ในพระคริสต์ ว่าไม่ใช่ชีวิตเดียว คนๆเดียวครับ ในหลายต่อหลายครั้ง อาจารย์เปาโล ใช้คำว่า ท่านทั้งหลาย หมายถึง ชุมชน หรือ คริสตจักร
พระคัมภีร์เช้านี้ อาจารย์เปาโล ใช้คำว่า
สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง คือ ความมืด และ ความสว่าง
[Slide# 3]
“คริสตจักร...ดำเนินชีวิตอย่างลูกของความสว่าง”
สามประการ “ชุมชนใหม่” ในพระคริสต์ คริสตจักรที่เป็น “ลูกแห่งความสว่าง”
(1) สถานะเดิม – เราเป็นความมืด
ผลของความมืด:
การล่อลวง  ไม่เชื่อฟัง  ความตาย
[Slide# 4]
ข้อ 6-8ก
“6อย่าให้ใครล่อลวงท่านทั้งหลายด้วยคำพูดที่เหลวไหล เพราะสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้พระพิโรธของพระเจ้าจึงมาถึงพวกที่ไม่เชื่อฟัง 7เพราะฉะนั้นอย่ามีส่วนร่วมกับเขาทั้งหลาย 8เพราะเมื่อก่อนท่านทั้งหลายเป็นความมืด...”
พระคัมภีร์บอกว่า สถานภาพเดิมของเราก่อนมาพบพระคริสต์ “เราเป็นความมืด”
ไม่ใช่เพียงแค่เราอยู่ในความมืด เท่านั้นนะครับ แต่เราเป็นความมืด
ด้วยกำลังของเรา เราไม่สามารถพบกับความสว่างได้เลย เพราะ ความจริงคือเราเป็นความมืด
ดังนั้น ในข้อ 6 ได้พูดถึงผล จากการที่เราเป็นความมืด สามประการครับ ลูกของความมืด
§ การไม่เชื่อฟัง –
เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่ปฐมกาล บทที่ 3 เมื่ออาดัมตัดสินใจ ตั้งใจกบฎกับพระเจ้า ไม่ต้องการเชื่อฟังพระเจ้าอีกต่อไป เค้าสงสัยในความประเสริฐ ความดีของพระเจ้า เหมือนคนในโลกนี้ที่สงสัยพระเจ้า แม้ผู้เชื่อบางคน ที่ไม่เติบโต ก็ยังสงสัยพระเจ้า พึ่งพาตัวเองดีกว่า เขาคิดว่า ความคิดของเขาดีกว่าความคิดของพระเจ้า เขาสงสัยว่าพระเจ้ามีแผนการที่ดีให้กับเราจริงหรือ เพราะแผนการพระเจ้า ไม่ตรงกับแผนการของเรา เราคิดว่า เรารู้ดีกว่าพระเจ้ามั้ยครับ ถ้าใช่ นั้นคือ ผลของการที่เราเป็นลูกของความมืดครับ ลูกของการไม่เชื่อฟัง
พี่น้องที่รักครับ ชีวิตที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า คือ ลูกของความมืด
§ การล่อลวง
การที่เรามีชีวิตที่ไม่เชื่อฟัง เพราะว่าเราถูกมารหลอกครับ เหมือนอาดัมที่ถูกงูล่อลวง ให้หลงผิด
อาจารย์เปาโลบอกว่า “อย่าให้ใครล่อลวงท่านทั้งหลายด้วยคำพูดที่เหลวไหล”
แอบทำบาปได้ ไม่มีใครรู้หรอก ไม่เป็นไรหรอกน่า นิดหน่อย ใครๆ เค้าก็ทำกัน
สื่อต่างๆ ในปัจจุบัน ล้วน ประกอบไปด้วยคำล่อลวง ต่างๆนานา ให้เราหลงมัวเมาไปกับ ค่านิยมที่ว่างเปล่าของโลกนี้ หนัง ซีรีส์ ดนตรี โฆษณา ให้เรารู้สึกดี และปลูกฝังค่านิยมที่ขัดกับพระคัมภีร์ มีมากมายครับ รอบตัวเรา โลกที่เป็นความมืด คือ การล่อลวง
§ ความตาย - พระพิโรธของพระเจ้า ความพินาศ
ปฐมกาล บทที่ 3 มนุษย์ล้มลงในความบาป เป็นความมืด เริ่มต้น ด้วยการ การล่อลวง แล้วนำไปสู่ ชีวิตที่ไม่เชื่อฟัง พระเจ้า จนนำไปสู่ประการที่สาม ครับ ความตาย ความพินาศ พระพิโรธของพระเจ้า
ค่าจ้างของความบาปคือความตาย
อาจารย์เปาโล ข้อ 6 “...เพราะสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้พระพิโรธของพระเจ้าจึงมาถึงพวกที่ไม่เชื่อฟัง”
ที่กล่าวมาทั้งหมด การล่อลวง ความเท็จ คำโกหก / ชีวิตที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า กบฏต่อพระเจ้า และ / ความตาย พระพิโรธ ความพินาศ คือ สถานภาพเก่าของเรา ที่เป็น ความมืด เป็นลูกของความมืด
แต่ขอบคุณพระเจ้า ในพระคริสต์ สถานภาพปัจจุบันของเรา คือ เราเป็นความสว่างในพระคริสต์
[Slide# 5]
(2) สภาพปัจจุบัน – ความสว่างในพระคริสต์
ลักษณะผลของความสว่าง ความดี ความชอบธรรมและความจริง
[Slide# 6]
ข้อ 8-9
“8เพราะเมื่อก่อนท่านทั้งหลายเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตอย่างคน (ลูก) ของความสว่าง 9(เพราะว่าผลของความสว่างคือทุกอย่างที่เป็นความดี ความชอบธรรม และความจริง)”
ยอห์น 8:12
“12พระเยซูตรัสกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่งว่า “เราเป็นความสว่างของโลก คนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต”
ยอห์น 3: 16-21 ในพระกิตติคุณวันนี้
พระเยซูทรงเป็นความสว่างที่เข้ามาในโลก และผู้ที่ประพฤติตามความจริงก็มาถึงความสว่าง ...”
ในข้อ 8 ท่าน เป็น ความสว่าง สามประการครับ สำหรับ ผลของความสว่าง เมื่อเราเป็นความสว่าง นี้คือผลของความสว่างในชีวิตของเราครับ
§ ความดี – เป็นความสัมพันธ์ที่มีต่อคนอื่นๆครับ เราทำสิ่งดี เพื่อทุกคน
กาละเทีย 6: 9-10
“9อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร 10เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาสให้เราทำดีต่อทุกคน และเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อคนที่เป็นสมาชิกของครอบครัวแห่งความเชื่อ”
ลูกของความสว่าง ทำความดี ครับ ทำสิ่งที่ดี เพื่อคนอื่นๆ ในสังคมที่อยู่รอบตัวเรา
การทำสิ่งดี ทำความดีของเรา ไม่ใช่การสะสมบุญเหมือนอย่างความเชื่ออื่นๆ
แต่ เป็น ผล จากการที่ พระคริสต์ ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา ให้เป็นความสว่าง และ
การทำความดี เป็น ผล จากที่เราเป็นความสว่างในพระคริสต์
§ ความชอบธรรม – ความสัมพันธ์กับพระเจ้าครับ
เรารับความชอบธรรมในพระคริสต์ เราได้รับกาชำระให้เป็นคนชอบธรรมแล้วในพระคริสต์ เมื่อเราทำผิด เรากลับใจ เราสารภาพความผิดบาป รับการชำระ ยกโทษและให้อภัย ผ่านทางไม้กางเขนของพระคริสต์
เราไม่สามารถ ทำให้ตนเอง ชอบธรรมได้ เพราะเมื่อก่อน สถานะเดิมของเรา ก่อนต้อนรับพระคริสต์ คือ เราเป็นความมืด ความมืด ไม่มีส่วนอะไรเลย ในความชอบธรรม
ความชอบธรรม มาจากการรับการชำระให้ชอบธรรม แล้ว ในพระคริสต์ หรือ Justification ไม่ใช่ การพึ่งพา ความชอบธรรมของตนเอง
§ ความจริง – สัจธรรม ความจริงที่พบในพระเยซู คริสต์ เท่านั้น
พระเยซูคริสต์ ตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า พระองค์คือความจริง พระองค์ทรงเป็นสัจธรรม
ยอห์น 14: 6
“6พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา”
ในขณะที่ไตร่สวน กับปิลาต พระเยซูทรงรักปิลาต ทรงเปิดเผยความจริงกับปิลาตว่า
ยอห์น 18: 37-38
“...พระเยซูตรัสตอบว่า “ท่านพูดว่าเราเป็นกษัตริย์ เพราะเหตุนี้เราจึงเกิดมาและเข้ามาในโลก เพื่อเป็นพยานให้กับสัจจะ ทุกคนที่อยู่ฝ่ายสัจจะย่อมฟังเสียงของเรา” 38ปีลาตทูลถามพระองค์ว่า “สัจจะคืออะไร?”
พระเยซูคือสัจธรรม ความจริง ปีลาต พบความจริงของชีวิตเค้าได้ในพระคริสต์
ไม่ใช่ ความมั่นคงทางการเมือง ในตำแหน่งของเค้ากับ ซีซ่าร์ เขากลัวจะหลุดจากตำแหน่งของเขา โดยส่งพระเยซูไปสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขน ทั้งที่เขาเองก็รู้ว่า ไม่พบความผิดในพระเยซู ที่ต้องถึงตาย โทษประหาร เค้าเห็นแก่ตัวเอง มากกว่าความยุติธรรม สำเนาประวัติศาสตร์บางฉบับ บันทึกว่า ในเวลาต่อมานะครับ ว่า ปีลาตในที่สุดก็ต้องจบชีวิตตนเอง ด้วยการฆ่าตัวตาย
[Slide# 7]
(3) มิชชั่นของคริสตจักร (ข้อ 15-20)
มีอยู่สามประการด้วยกัน
[Slide# 8, 9, 10]
“15เพราะฉะนั้น จงระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าเหมือนคนไร้ปัญญาแต่ให้เหมือนคนมีปัญญา 16จงใช้ โอกาส (เวลา) ให้เป็นประโยชน์ เพราะว่าทุกวันนี้เป็นยุคสมัยที่ชั่วร้าย 17เพราะเหตุนี้ อย่าเป็นคนโง่เขลา แต่จงเข้าใจว่า
อะไรคือพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า 18และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน แต่จงเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณ” 19จงปราศรัยกันด้วยเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายจิตวิญญาณ คือร้องเพลงและสดุดีจากใจ
ของพวกท่านถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า 20จงขอบพระคุณพระเจ้าคือพระบิดาอยู่เสมอสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ในพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา”
[Slide# 8]
ข้อ 15 เริ่มต้นข้อความว่า “เพราะฉะนั้น จงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี...”
เป็นการเริ่มต้น สิ่งที่อาจารย์เปาโลต้องการจะสื่อสารกับคริสตจักร เพราะจากเดิม เราเป็นความมืด แต่บัดนี้ ในพระคริสต์ เราทั้งหลาย คริสตจักรเป็นลูกของความสว่างแล้ว ดังนั้น เราต้องทำอะไรบ้าง
ในฐานะที่เราเป็นลูกของความสว่างในพระคริสต์ เราต้อง ระมัดระวังในการดำเนินชีวิต ครับ ไม่ใช่ว่าเราจะทำอะไรก็ได้ ยังคงดำเนินชีวิตแบบตัวเก่า ไม่ได้แล้ว ต้องดำเนินชีวิตให้สมกับการทรงเรียก ในสมกับการเป็นลูกพระเจ้า และให้สมกับการเป็นธรรมิกชน
อาจารย์เปาโลได้ให้รายละเอียด ว่าคริสตจักร ต้องวางตัวอย่างไร ใน
โลก อยู่ในข้อ 15-20 เป็นมิชชั่นของคริสตจักร ในฐานะลูกของความสว่างในพระคริสต์ที่พระเจ้า คาดหวังให้เรากระทำ
คริสตจักรต้องวางตัวอย่างไรในสังคม ในโลกที่เป็นความมืด เป็นมิชชั่น หรือภารกิจของคริสตจักรที่เป็นความสว่าง ที่อยู่ในโลกแห่งความมืดบอดทางจิตวิญญาณ
คริสตจักรเป็นศูนย์กลางน้ำพระทัยพระเจ้าในโลกนี้ คริสตจักรที่มีพระเยซูคริสต์เป็นศีรษะ และเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ อยู่ภายใต้การทรงนำของพระวิญญาณ
คริสตจักร ชุมชนที่เต็มล้นในพระวิญญาณ
(1) ใช้โอกาส (เวลา) เพื่อเป็นแผ่นดินพระเจ้า
เป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ
ข้อ16 “16จงใช้ โอกาส (เวลา) ให้เป็นประโยชน์ เพราะว่าทุกวันนี้เป็นยุคสมัยที่ชั่วร้าย”
พระคัมภีร์ฉบับอ่านเข้าใจง่าย แปลว่า “16ให้ฉวยโอกาสที่จะทำดี เพราะทุกวันนี้มีแต่ความชั่วร้าย”
คำว่า โอกาส ในที่นี้ มาจากคำว่า Kairos มีความหมายถึง “ช่วงเวลาที่เหมาะสม”
พี่น้องที่รักครับ ภาษากรีก คำว่าเวลา มีใช้อยู่สองคำ คือคำว่า Kronos และ คำว่า Kairos
โครนอส หมายถึง เวลาในความเข้าใจของเราทั่วๆไปครับ เวลาของนาฬิกาที่บอกเวลา เช่นตอนนี้เวลา 10:00 น เวลาตามปฎิทิน เวลาที่เดินไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา
Kairos หมายถึง โอกาส ช่วงเวลาที่เหมาะสม ถ้าใช้ในการค้า หมายถึง อาจหมายถึง ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุน ช่วงเวลาที่เหมาะสม ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อหรือขายทรัพย์สิน เพราะจะทำให้มีกำไรสูงสุด
กาละเทีย 6: 9-10
“9อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร 10เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาส ให้เราทำดีต่อทุกคน และเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อคนที่เป็นสมาชิกของครอบครัวแห่งความเชื่อ”
พระคัมภีร์ใช้ คำว่า Kairos ในตอนนี้ครับ ที่ฉบับภาษาไทยแปลว่า โอกาส
Kairos เป็นภาษากรีก นะครับ อาจารย์เปาโล ใช้คำๆนี้ อธิบายถึง ช่วงเวลาที่พระเจ้าทรงกระทำบางอย่าง และ เป็นโอกาส หรือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่เราถ้าเห็น Kriros นี้ พระเจ้าเรียกเราให้มีโอกาส มีส่วนร่วมไปกับพระเจ้าในแผนการของพระเจ้า หรือ ให้เราได้มีส่วนร่วมในแผนการพระเจ้า
[Slide# 11]
อย่างที่บอก Kairos เป็นภาษากรีก มีที่มาว่า เป็นชื่อ เทพเจ้ากรีก เทพเจ้าแห่งโอกาส ลูกของซูส ที่เท้ามีปีก มือถือมีดที่คมหรือตาชั่ง ผมด้านหน้ายาวในขณะที่ผมด้านหลังสั้นเกรียน หมายถึงว่า เท้ามีปีก และยืนเขย่งตลอดเวลา พร้อมที่จะมีโอกาสบินมาและ ออกไปอย่างรวดเร็ว มือถือมีดที่คมกริบ หรือ ตาชั่ง ก็ได้ครับ หมายถึงว่า มีอำนาจ ส่งผลกระทบ ได้กำไรอย่างงาม ผมด้านหน้ายาว คือถ้าพบกันต่อหน้า คว้าที่ผมได้ง่าย แต่ถ้าปล่อยให้โอกาสหันหลังไปแล้ว กลับไปคว้ายากแล้วครับ ผมด้านหลังสั้นเกรียน
ก็เป็นปริศนาธรรมที่ให้ความหมาย ของ Kairos โอกาสดีๆ ที่พร้อมจะหลุดลอยไปได้ตลอดเวลา ถ้าเราไม่ใส่ใจ
อาจารย์เปาโล ใช้ภาษาที่ คนโรมันเข้าใจง่ายนี้ พูดถึง โอกาส เวลาที่เหมาะสม ที่พระเจ้ากำลังทำบางอย่างอยู่ แล้วเราเห็นโอกาสนั้น และพระเจ้าเชื้อเชิญเรา พระเจ้าเรียกเราให้เราได้มีส่วนร่วมในโอกาสนั้น เพื่อให้เรามีส่วนร่วมในแผนการของพระเจ้าอย่างเฉพาะเจาะจง
พระเจ้าทรงกระทำในชีวิตของเราตลอดเวลา ปัญหาคือ เราทราบหรือไม่ เรารู้หรือเปล่า หรือเรากำลังปล่อย ไครอส ให้ผ่านไปโดยที่เราไม่รู้เลย
[Slide# 12]
มาระโก 1: 15
“15โดยตรัสว่า “เวลา (Kairos) กำหนดมาถึงแล้วและแผ่นดินของพระเจ้าก็มาใกล้แล้ว จงกลับใจใหม่ และเชื่อข่าวประเสริฐ”
ให้เราเข้าใจว่าพระเจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่ เพื่อที่เราจะสามารถตอบสนอง อย่างถูกต้อง เหมาะสม ในช่วงเวลาที่พระเจ้ากำลังทำงานอยู่ นั้นคือ การเป็นสาวกของพระคริสต์ รู้และร่วมมือกับพระเจ้าใน Kairos ของพระเจ้า พระเจ้ากำลังทำอะไรในชีวิตของเรา Kairos เหตุการณ์บางอย่าง หรือ สิ่งที่พระเจ้ากำลังเรียกร้องความสนใจจากเรา
NOTE: [God’s activities in our life :
Kairos (1) Bricked Wall - (2) Speed bump – repeated (3) Mirror - see ourselve celarly who I am (4) Vision – see into the future, next step in life (5) Sublime – joyful moment / good gift from God ]
[Slide# 13]
โคโลสี 4:5-6
“5จงปฏิบัติต่อคนภายนอกด้วยสติปัญญา โดยใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ 6จงให้ถ้อยคำของท่านทั้งหลายประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ ปรุงด้วยเกลือให้มีรส เพื่อท่านจะได้รู้ว่าควรจะตอบแต่ละคนอย่างไร”
เนื้อหาของ จดหมายฝาก โคโลสี คล้ายกับเอเฟซัส มากครับ อาจารย์เปาโลเขียนจดหมายฝากสองฉบับนี้ในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน ในขณะที่ท่านถูกจองจำอยู่ ในโคโลสี อาจารย์เปาโล ขยายความหมายของ Kairos ใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ คือในการเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ ของพระเยซูคริสต์ในขณะที่ถูกจองจำ กับบรรดาทหารที่คุมตัวท่าน กับการเบิกความ ท่านใช้ทุกโอกาสที่พระเจ้าหยิบยื่นให้ ในการประกาศ ข่าวประเสริฐ ข่าวดี พระกิตติคุณ รับการยกโทษ และ คืนดีกับพระเจ้าผ่านทางพระคริสต์ ไม้กางเขต ประกาศ แผ่นดินพระเจ้า
Kiaros เราเห็น สัมผัส รับรู้มั้ย ว่า พระเจ้ากำลังทำอะไรในชีวิตของเราและคนที่อยู่รอบตัวเรา
เราเห็น สัมผัส รับรู้มั้ย ว่า พระเจ้ากำลังทำอะไรในคริสตจักรของเรา
แล้วเราจะมีส่วนร่วม ร่วมมือกับพระเจ้าอย่างไร ในสิ่งที่พระเจ้ากำลังกระทำอยู่ ในชีวิตของเรา และในคริสตจักร
ตัวอย่างไครอส คริสตมาสนี้ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม เป็นโอกาสที่ดี ที่เราจะได้นึกถึงคนที่เรารัก คนที่ห่วงใย ที่เขายังไม่รู้จักพระเจ้า ไม่ได้เข้ามาแผ่นดินพระเจ้า ให้เราใช้ คริสตมาสนี้ เป็น ไครอสจากพระเจ้าครับ แล้วเราจะมีส่วนร่วมได้อย่างไร ลองอธิษฐานถามพระเจ้าสิครับ อาจจะเริ่มต้นจาก อธิษฐานเผื่อคนๆนั้นอย่างจริงจังตอนนี้ ใช้ช่วงเวลานี้ก่อนคริสตมาส ไปใช้เวลากับเขา แสดงความรักความห่วงใย และมิตรภาพ เพื่อที่เราจะสามารถ เชิญ เขามางานคริสตมาส มาฟังคำพยานชีวิต ฟังพระคำพระเจ้า พระเจ้าอาจจะใช้โอกาส ไครอส คริสตมาส ให้เขาต้อนรับพระเยซูก็ได้ครับ
ไครอส มีอยู่ตลอดครับ ในชีวิตของเรา แม้แต่ตอนนี้ เพราะพระเจ้า กำลังทำงาน กำลังตรัสกับเรา อยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ว่า เราได้ยิน มั้ย เราเห็นหรือเปล่า
ถ้าเราไม่มัวสาละวน อยู่กับ สิ่งต่างๆรอบตัวเรา กับงาน ครอบครัว อาชีพ เราจะเห็น ไครอส ที่พระเจ้ากำลังกระทำในชีวิตของเราแต่ละคน ครับ ไครอส กับคริสตจักรของพระเจ้าด้วย พี่น้องทราบมั้ยครับ พระเจ้ากำลังขับเคลื่อน ACT คริสตจักร Anglican สู่ฤดูกาลใหม่ พระเจ้ากำลังทำสิ่งใหม่ในคริสตจักรของพระองค์ที่นี่ เพื่อแผ่นดินของพระเจ้า เราสัมผัส รับรู้ได้มั้ยครับ แล้วเรา แต่ละคน จะสามารถมีส่วนอย่างไรครับ กับไครอสที่พระเจ้ากำลังกระทำอยู่กับแองลิกัน ในฐานะที่เราเป็นสมาชิกในคริสตจักร
เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว คณะผู้นำคริสตจักร ทั้งผู้รับใช้พระเจ้าเต็มเวลา Staff และผู้นำฆราวาส ได้มีโอกาสไปร่วมกันวางแผนงาน วิชชั่น มิชชั่นของแองลิกัน ในอีก 5 ปี และ 10 ปี ข้างหน้า
ภายใน 10 ปี สำหรับลาดกระบังที่นี่ จะเป็นศูนย์ใหญ่ของแองลิกันในประเทศไทย จะมีการระดมทุน สร้างอาคารอีกสามอาคาร สำหรับ อาคารคริสตจักร อาคารสำนักงาน ACT และห้องพักสำหรับอนุชน อาคารโรงเรียนอนุบาล งบประมาณ 100 ล้านบาท
การบุกเบิกคริสตจักรใหม่ๆ ที่จะเป็นศูนย์ภูมิภาค ที่หาดใหญ่ และอุดรธานี
คริสตจักรที่เป็น Parish สามารถเลี้ยงดูตัวเอง และบุกเบิกคริสตจักรได้เอง อีก 5 แห่ง
มี Priest ที่เป็นคนไทยมากขึ้น
ผมเชื่อว่า ผู้นำ จะนำข้อความมาสื่อสารกับเราทุกคนในคริสตจักร เพื่อที่เราจะมีนิมิตเดียวกัน ไครอส ที่พระเจ้ากำลังทำงานอยู่ คำถาทที่สำคัญคือ เราแต่ละคน แต่ละครอบครัว จะมีส่วนร่วม เป็น Partnership กับไครอสนี้อย่างไร เพื่อไม่ให้เราพลาดไครอส จากพระเจ้า
“ให้เราใช้ทุกโอกาส (Koiros) ที่พระเจ้าประทานให้กับเรา เพื่อแผ่นดินของพระเจ้า”
[Slide# 14]
(2) เข้าใจและทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า
[Slide# 15]
ข้อ 17 “17เพราะเหตุนี้ อย่าเป็นคนโง่เขลา แต่จงเข้าใจว่าอะไรคือพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้อ 18 “และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน...”
คริสตจักรที่เป็น ลูกของความสว่างในพระคริสต์ คือ คริสตจักรที่ตั้งใจ ที่จะกระทำตาม น้ำพระทัยพระเจ้า ที่พบแล้วในพระคริสต์ ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า คือ ขยายแผ่นดินของพระเจ้า
เป็นคริสตจักรที่ไม่ได้อยู่เพื่อตัวเอง แต่เป็นคริสตจักรที่อยู่เพื่อพระประสงค์ของพระเจ้า หัวใจของพระเจ้าคือ ไม่ทรงปรารถนาให้ผู้หนึ่งผู้ใดต้องพินาศ
เมาเหล้าองุ่นคือ การปล่อยตัว ปล่อยใจ ขาดสติ หลงมัวเมาอยู่ในความบาป ไม่สนใจพระประสงค์ของพระเจ้า สนใจแต่เนื้อหนัง และความต้องการของตนเอง เป็นหลัก ผู้เชื่อเหล่านี้ หรือคริสตจักรแบบนี้ อาจารย์เปาโลบอกว่า กำลังเมาเหล้าองุ่นอยู่ ทำตาม นำคริสตจักร ตามความต้องการของตนเองเป็นหลัก ไม่สนใจ พระเยซูคริสต์ ถ้าเราเป็นแบบนี้ ต้องกลับใจ ครับ
2เปโตร 3:9
“9องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่ทรงอดทนกับพวกท่าน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ใครพินาศเลย แต่ประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่”
[Slide# 16]
(3) นมัสการ ด้วยใจขอบพระคุณ
ข้อ 19-20
“19จงปราศรัยกันด้วยเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายจิตวิญญาณ คือร้องเพลงและสดุดีจากใจของพวกท่านถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า 20จงขอบพระคุณพระเจ้าคือพระบิดาอยู่เสมอสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ในพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา”
คริสตจักรที่เป็น ลูกของความสว่างในพระคริสต์ คือคริสตจักร ที่ทำทุกสิ่ง เป็นการนมัสการด้วยใจขอบพระคุณ ทุกๆพันธกิจที่เราทำ ทุกๆกิจกรรมที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็น อัลฟ่า ชั้นเรียนพระคัมภีร์ การประกาศ การสร้างสาวก กลุ่มเซล การนมัสการในวันอาทิตย์ การอ่านพระคำ การเทศนา การอธิษฐานวิงวอน การเล่นดนตรีนมัสการ ประชุมคณะกรรมการคริสตจักร งานสังคมสงเคราะห์ การเตรียมอาหารว่าง การจัดโต๊ะที่ลีฮอล์ การเตรียมเครื่องเสียง การฉายสไลด์
เราทำทุกสิ่ง ทำทุกสิ่ง เพื่อเป็นการนมัสการพระเจ้า ด้วยใจขอบพระคุณ
ให้ทุกสิ่งที่เราทำ มีพระเจ้า เป็นศูนย์กลาง มีพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง มีพระกิตติคุณ ข่าวประเสริฐ เป็นศูนย์กลาง อาเมนนะครับ
ถ้าเราทำสารพัดสิ่ง ไม่ใช่เพื่อการนมัสการพระเจ้า ด้วยใจขอบพระคุณ หลายกิจกรรมที่เราทำ จะนำมาซึ่ง ความแตกแยก ความขมขื่น การก่นด่า การบ่นต่อว่า ความโกรธ และ ท้อแท้ใจ เพราะเราไม่ได้ให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลาง ไม่ได้ทำสารพัดสิ่ง เพื่อนมัสการพระเจ้า ด้วยใจขอบพระคุณ อาเมนนะครับ
[Slide# 17]
สามสิ่งนะครับ สำหรับ คริสตจักรที่เป็นลูกของความสว่าง คริสตจักรในพระคริสต์ ตามน้ำพระทัยพระเจ้า
เมื่อก่อน สถานะเก่าของเรา เราเป็นความมืด
รับรู้สถานะปัจจุบันของเราในพระคริสต์ เราเป็นความสว่างในพระคริสต์
และ ประการสุดท้ายครับ มิชชั่นของคริสตจักรที่เป็นลูกของความสว่าง
Kairos ใช้ทุกๆโอกาสที่พระเจ้าประทานให้ในชีวิตของเรา เพื่อขยายแผ่นดินพระเจ้า ประกาศข่าวประเสริฐ
เป็นคริสตจักรที่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ใช่ตามใจเรา หรือ มนุษย์หรือองค์กร และสุดท้ายครับ
คริสตจักรที่กระทำทุกสิ่ง ทำมิชชั่น เป็นการนมัสการพระเจ้าด้วยใจขอบพระคุณ
ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
[Slide# 18]
(1) มีสิ่งใดหรือไม่ที่เราต้อง “ทิ้ง” ตัวเก่า นิสัยเก่า ที่พระวิญญาณตรัสกับเราในวันนี้
(2) เราใช้โอกาส (Kairos) ในการประกาศข่าวประเสริฐ ทำความดีเพื่อคนอื่นๆ
(3) เราทำทุกสิ่งด้วยใจนมัสการ ขอบพระคุณพระเจ้า
“ดำเนินชีวิตในความสว่างของคริสตจักร”
เอเฟซัส 5:6-20
วันอาทิตย์ 6 พฤศจิกายน 2022
บทนำ
(1) เอเฟซัส 4: 22-24 ชีวิตใหม่ในพระคริสต์ (1) ทิ้งตัวเก่า (2) สวมสภาพใหม่ (3) รับการเปลี่ยนใหม่
(2) “ท่านทั้งหลาย” - ชีวิตใหม่ในพระคริสต์ ไม่ใช่แค่ผู้เชื่อคนเดียว แต่เป็นภาพของชุมชนผู้เชื่อใหม่ ในพระคริสต์ – คริสตจักร ดำเนินชีวิตใหม่ในพระคริสต์ที่เป็น “ลูกแห่งความสว่าง”
“คริสตจักร...ดำเนินชีวิตอย่างลูกของความสว่าง”
สามประการ “ชุมชนใหม่” ในพระคริสต์ คริสตจักรที่เป็น “ลูกแห่งความสว่าง”
(1) สภาพเดิม “ความมืด” (6-14)
ข้อ 8ก “เพราะเมื่อก่อนท่านทั้งหลายเป็นความมืด...”
“เหยื่อ” และ “เครื่องมือ” ของความมืด
ข้อ 6 ความมืด (1) หลอกลวง (2) ไม่เชื่อฟัง และ (3) ความพินาศ ความตาย
วงจรความมืด: หลอกลวง  ไม่เชื่อฟัง ความตาย
(2) สภาพปัจจุบัน “ลูกของความสว่าง” ในพระคริสต์ (6-14)
ข้อ 8ข “...แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตอย่าง คน (ลูก) ของความสว่าง”
ข้อ 9 ความสว่าง (1) ความดี (2) ความชอบธรรม และ (3) ความจริง
(3) มิชชั่นของคริสตจักร “ลูกแห่งความสว่าง” ในพระคริสต์ (15-20)
ภารกิจของคริสตจักร เต็มล้น HS (1) ฉวยโอกาสเพื่อเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ (16) เวลา/โอกาส “Kairos” ไครอส
(2) เข้าใจและทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า (17)
(3) นมัสการด้วยใจขอบพระคุณ (18)
คำถามสำหรับกลุ่มย่อยเพื่อการไตร่ตรอง:
(1) มีสิ่งใดหรือไม่ที่เราต้อง “ทิ้ง” ตัวเก่า นิสัยเก่า ที่พระวิญญาณตรัสกับเราในวันนี้
(2) เราใช้โอกาส (Kairos) ในการประกาศข่าวประเสริฐ ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ กับใคร
(3) เราทำทุกสิ่งด้วยใจนมัสการ ขอบพระคุณพระเจ้า หมายถึงอะไรในความคิดของเรา แบ่งปันกับเพื่อนของเรา
Related Media
See more
Related Sermons
See more